[HQ] BamBam - Lips Garçon Magazine (Chinese Trans)

วันที่ 2018-01-20 17:12:00 ผู้เข้าชม : 19216

-->
<--

แบมแบม และ น้องชูใจ ปก Lips Carcon Magazine
BamBam - The Return of Superman

Chinese Trans : WE_GOT7中文站
(Cut) Eng Trans : midsummer922 , 97bambams

instagram.com/hD/

instagram.com/SQ/

อ่านออนไลน์


35p : imgur.com

bam3


bam16bam16-2
bam17bam17-1


bam4

bam20

bam13

bam15-1bam15-2
bam15-3bam15-4


bam10

bam11



bam18bam18-2

bam19bam19-2

bam1

bam2


bam7bam7-1

bam5bam5-1bam5-2


bam14bam14-1

bam8

bam9bam9-1bam9-2
cr. FukkingHero, bellyinsmile

facebook.com/512


 

สัมภาษณ์

Back to Mother land
ชีวิตของหนึ่งในสมาชิกวง GOT7 นอกเหนือจากช่วงเวลาที่ต้องเดินสายตระเวนทัวร์ไปยังที่ต่างๆ แล้ว สถานที่ที่เขาเรียกว่าบ้าน ได้อย่างสนิทใจคงเป็นบ้านพักในโซลและบ้านเกิดของเขา ซึ่งภายในปีนี้เราคงได้เจอกับแบมแบมบ่อยสักหน่อย เพราะมีเหตุให้ต้องเดินทางมาทำงานในเมืองไทยอยู่เรื่อยๆ

การ์ซง :  ปีนี้เราน่าจะได้ผลงานของแบมแบมในรูปแบบไหนบ้าง พอจะบอกได้ไหม
แบมแบม
: เอาจริงๆ ก็จะมีโฆษณาอยู่หลายตัวครับผม ปีนี้ผมมีงานโฆษณาเดี่ยวๆเยอะขึ้นครับแต่ยังไม่บอกดีกว่าว่าอะไร แล้วบางทีอาจจะได้เห็นผมกับร่วมงานกับดาราคนอื่นก็เป็นได้ แล้วในปีนี้น่าจะเห็นผมในหลายๆ ลุค แต่จะออกมาเป็นลุคไหนบ้างยังไม่ทราบเหมือนกันครับ

การ์ซง : เวลากลับเมืองไทยแต่ละครั้งส่วนใหญ่กลับมานานแค่ไหน
แบมแบม
:  ส่วนใหญ่ผมกลับเมืองไทยเพื่อทำงานอย่างเดียวเลยครับ จะได้กลับมาระยะสั้นๆ แค่ 2 วัน 1 คืน แต่ถ้าตารางงานถูกรวบให้เป็นช่วงเดียวกันอย่างคราวนี้ผมจะอยู่ยาวหน่อย 5 - 10 วัน จะได้ไม่ต้องบินไปๆ มาๆ บ่อยๆ

การ์ซง : สิ่งแรกที่ต้องทำเวลากลับมาเมืองไทยคืออะไรห้ามตอบว่า ทำงานนะ
แบมแบม
: ส่วนใหญ่เวลากลับเมืองไทยก็จะมี 2 แบบ แบบแรก คือ กลับบ้านเลย อีกแบบคือไปทำงานเลย แต่ถ้าได้กลับบ้านเลย ส่วนใหญ่ผมจะต้องแวะกินข้าวต้มก่อนครับเพราะพอลงจากเครื่องแล้วหิวครับ ก็ต้องแวะกินข้าวต้มแป้บหนึ่งแล้วค่อยเข้าบ้าน

การ์ซง : เวลาแวะกินข้าวต้มคนในร้านไม่แตกตื่นกันหรอ
แบมแบม
: เมื่อสองวันก่อนไปกินข้าวต้มแถวบ้านก็มีเด็กจำผมได้ครับ เขาก็ขอถ่ายรูป กินเสร็จผมก็นั่งรถกลับบ้าน ไม่ได้มีอะไรยุ่งยากมากครับ ผมก็ใช้ชีวิตผมตามปกติ

Life in Korea
อยู่เมืองไทยพอยังจะออกไปกินข้าวต้มรอบดึกได้โดยที่ไม่ต้องสวมมาสก์อำพรางตัวให้ยุ่งยาก แล้วชีวิตไอดอลในเกาหลีล่ะเป็นอย่างไรบ้าง ต้องเผชิญหน้ากับความกดดันที่มาพร้อมๆ กับชื่อเสียงโด่งดังอย่างไรบ้าง แบมแบมเล่าถึงชีวิตในต่างแดนที่เขาดูจะคุ้นเคยเหมือนเป็นแผ่นดินเกิดอย่างสบายๆ

การ์ซง : เวลาอยู่เกาหลี คนรู้จักแบมแบมเยอะกว่าที่เมืองไทยไหม
แบมแบม
: คนไทยรู้จักผมเยอะกว่าคนเกาหลีนะครับ ที่เกาหลีส่วนใหญ่จะมีวัยรุ่น หรือว่า คนที่เป็นแฟนคลับ GOT7 ส่วนมากจะเป็นแฟนคลับเด็กๆครับ สมมติถ้าเกิดไปที่ๆ เด็กนักเรียนเยอะหน่อย ก็จะอาจจะโดนเดินตาม ขอถ่ายรูป ต่างจากเมืองไทยที่คนรู้จักเราจะมีถึงรุ่นคุณป้า คุณยาย คุณลุง คุณแม่ มีทั่วถึงทุกวัยเลยครับ อย่างเวลาผมไปตลาดคนก็รู้จัก รอบที่แล้วขึ้นเขาไปพักผ่อน คุณลุงคุณป้าที่เขาตัดมะพร้าวอยู่ก็รู้จักเรา ผมว่า คงเป็นเพราะไอดอลเกาหลีก็มีเยอะใช่ไหมครับ แต่ว่าคนไทยที่เป็นไอดอลเกาหลีมีไม่เยอะไงครับ ที่ไทยเขาเลยอาจจะให้ความสนใจเรามากกว่า

การ์ซง : ตอนอยู่ที่เกาหลีเวลาพักผ่อนชอบทำอะไร
แบมแบม : หลังจากผมซื้อบ้านแล้วออกมาอยู่คนเดียว ผมชอบอยู่บ้านมันสบายดีครับเหมือนเราอยู่ในที่ของเราได้จัดบ้านตามที่ผมชอบ ได้ปลูกต้นไม้ ถ้าเกิดอยู่หอของ GOT7 ผมก็แต่งตามใจผมไม่ได้ พอมาอยู่คนเดียวเดี๋ยวนี้ก็ได้เลี้ยงแมว 2 ตัวชื่อ 'ลาเต้ กับ พุดดิ้ง' ทีนี้เลยออกจากบ้านไม่ได้แล้ว กลายเป็นติดแมวไปเลย ผมทำงานเยอะอยู่แล้วไงครับ เวลาพักผ่อนก็อยู่กับพวกมันนี่แหละดีที่สุด

การ์ซง : แบมแบมมีช่วงเวลาเหงาๆ บ้างไหม หรือไม่มีเวลาว่างให้เหงาเลย
แบมแบม : แต่ก่อนตอนเป็นเด็กเหงาเหมือนกันนะ แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีเรื่องให้เหงาแล้วครับ เพราะอาชีพผม คือ การออกไปเจอคนทุกวันเลยครับผม ประเทศนู้นประเทศนี้ เจอเยอะมากเลยครับผม
      นอกจากนี้ผมก็ยังมีเพื่อนด้วย บางทีเพื่อนที่ทำงานเดียวกับผมที่เป็นไอดอลเหมือนกันถ้าเรามีเวลาตรงกัน พวกเขาก็จะมากินข้าวที่บ้านผมบ้าง หรือมานั่งดูหนังกันบ้าง ผมจะมีเพื่อนกลุ่มปี 97 เป็นแก๊งผู้ชายที่เกิดปีค.ศ. 1997 เหมือนกันว่างๆ ก็ออกไปโยนโบว์ลิ่งกันบ้าง เราใช้ชีวิตเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วไปจริงๆ

การ์ซง : แล้วมีคิดถึงเมืองไทยบ้างไหม หรือเดี๋ยวนี้กลับมาทำงานบ่อยเลยไม่ค่อยคิดถึงเท่าไร
แบมแบม
: ส่วนใหญ่จะคิดถึงอาหารไทย เพราะเวลาอยู่เกาหลีบางทีต้องกินของเหมือนเดิมทุกวันๆ ผมก็จะมีอาการเบื่ออาหารบ้าง เพราะผมชอบกินอะไรแซ่บๆ เผ็ดๆ เปรี้ยวๆ เลย เวลาผมมาเมืองไทยทีไรผมจะกินแบบไม่หยุดเลย อย่างเมื่อกี้ผมกินส้มตำไปตั้ง 3 จาน ตอนเช้ากินข้าว 2 ถ้วยกับแกงส้ม (หัวเราะ)

การ์ซง : เคยได้ยินอยู่บ่อยๆ ว่า การแข่งขันในวงการบันเทิงเกาหลีค่อนข้างสูง ศิลปินต้องแบกรับความกดดันสูงตามไปด้วย อยากรู้ว่าแบมแบมรับมือกับความกดดันตรงนี้อย่างไรบ้าง
แบมแบม
: เอาจริงๆ ผมยอมรับว่า มันกดดันครับผม แต่ความที่ผมเป็นโรคอยู่เฉยๆไม่ค่อยได้ สมมติถ้าเกิดเรามีวันพักจริงๆ แล้วผมต้องอยู่บ้านเฉยๆ ผมจะรู้สึกว่า "เราจะอยู่อย่างนี้ได้จริงๆ เหรอ" ในขณะที่เราหยุดพักคนอื่นออกไปทำงานนู่นนี่ เวลาพักสำหรับผมมันจึงรู้สึกเหมือน...ไม่ปลอดภัย รู้สึกเสียดายเวลาครับผม จริงๆแล้วอยากพักมากๆ เลยนะครับ แต่พอถึงเวลาพักจริงๆ กลับรู้สึกเหมือนต้องไปทำอะไรสักอย่าง เพราะผมเคยชินกับการทำงานทุกวันครับ ผมเลยต้องออกไปเขียนเพลงบ้าง ออกไปตัดต่อวีดิโอบ้างหรือว่าทำอะไรที่มันค้างคาบ้าง การพักผ่อนสำหรับผมจึงเหมือนกับการไม่ได้ออกงาน ไม่ได้แต่งหน้าแต่ก็ยังทำงาน เวลาอยู่บ้านก็ทำเพลง เขียนเพลง ทำนุ่นทำนี่่ไปเรื่อยๆ

การ์ซง : แบบนี้ก็ไม่เรียกว่า กดดันเท่าไรใช่ไหม
แบมแบม
: ความกดดันก็คือการที่เราพยายามทำเพลงออกมาดีๆมากกว่า ซึ่งมันไม่เกี่ยวกับการแข่งขันครับผม

การ์ซง : แบมแบมเป็นคนชอบแข่งขันหรือเปล่า
แบมแบม
: ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำอยู่มันเรียกว่าการแข่งขันหรือเปล่าแฟนคลับหรือบางคนที่เขามองพวกเราอยู่อาจจะรู้สึกว่า มันเป็นการแข่งขันได้ แต่เอาจริงๆ ทุกวงเป็นเพื่อนผมหมด เรารู้จักกันดีครับ ตอนไปทำงานอาจจะมีแข่งกันตามรายการที่เขาบอกให้แข่ง แต่เวลาเจอกันวันธรรมดาก็มากินข้าวกัน เป็นเพื่อนกันปกติ

การ์ซง : ถ้าต้องแข่งขันกับตัวเองหรือแข่งกับใครก็ตามคิดว่า อยากพัฒนา skill ตรงไหนเพิ่มเติมไหม
แบมแบม : ตอนนี้ก็จะเป็นเรื่องเขียนเพลง ตอนนี้ก็คือเขียนทุกวัน แต่ก็ว่าก็อยากพัฒนาด้านนี้ไปเรื่อยๆครับ อยากทำเพลงดีๆ ออกมาให้คนฟัง

การ์ซง : การเขียนเพลงนี่เราพัฒนาได้อย่างไร เพราะจะว่าไปมันเป็นเรื่องที่สอนกันก็ไม่ได้นะ
แบมแบม : เขียนไปเรื่อยๆครับผม เดี๋ยวมันดีเองครับแล้วก็ต้องฟังเพลงเยอะๆ อย่าฟังสไตล์เดียว ต้องฟังหลายสไตล์ อย่างตัวผมเองเป็นคนไม่ชอบอ่านหนังสือเลย ผมก็เลยดูหนังเยอะๆพอดูหนังก็จะได้รับอะไรมาจากหนัง เวลาเขียนเพลงมันก็จะนึกถึงหนัง แล้วก็จะสามารถนำคอนเซ็ปต์หนังมาเขียนเป็นเพลงได้ หรือบางทีก็ใช้เรื่องจากชีวิตจริงบ้าง จากประสบการณ์ตัวเอง จากความทรงจำของเรา

My Child-hood Memory
ในเมื่อความทรงจำเป็นแมตทีเรียลที่หยิบมาใช้ในการแต่งเพลงได้เสมอ เราจึงอยากเปิดลิ้นชักความทรงจำวัยเด็กของอดีตเด็กติดเกมคนนี้ว่า จะมีอะไรซุกซ่อนอยู่บ้าง

การ์ซง : อยากให้เล่าความทรงจำในวัยเด็กให้เราฟังสักนิดเคยได้ยินมาว่า แบมแบมเป็นเด็กติดเกมนี่ติดถึงขั้นไหนกัน
แบมแบม : ติดมากเลยครับตื่นมาตี 5 ก็นั่งเล่นเกมเลยเพราะกลัวคนอื่นตื่นมาแย่งเราต้องมาจองคอมก่อน ติดจนข้าวก็ไม่กินเลยแหละ

การ์ซง : แสดงว่าความทรงจำวัยเด็กอยู่กับเกมอย่างเดียวเลยหรอ มีกิจกรรมอย่างอื่นที่ชอบทำกับเพื่อน ๆ บ้างไหม
แบมแบม : ไม่ค่อยมีครับผม ผมก็เลยเป็นคนที่เล่นโปรแกรมคอมพิวเตอร์อะไรพวกนี้เก่งตั้งแต่เด็กแล้ว ไม่ได้แค่เกมอย่างเดียวครับ พวกโปรแกรม Powerpoint ก็ทำได้ ตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะเวลาโหลดเกมมันต้องแปลงไฟล์ ผมเรียนรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกได้เร็ว ทุกวันนี้ก็ได้ใช้เวลาตัดต่อวิดีโอ หรือทำเพลงด้วย ตอนนี้ถามว่าอยากเล่นเกมไหม อยากครับผม มีหลายเกมที่อยากเล่นมาก แต่ว่าผมกลัวว่า ถ้าผมเล่นแล้วงานผมทุกอย่างมันจะเสียหมด

การ์ซง : ทุกวันนี้ไม่เล่นเกมหลยหรอ
แบมแบม : เล่นเกมในมือถือครับ เล่น ROV นี่แหละ แต่ว่าเกมในมือถือยังโอเค ไม่ติดเท่าไร แต่ถ้าเกิดผมเล่นเป็นเกมคอม RPG เหมือนที่ผมเคยเล่นเนี่ย เกมมันยาว มันไม่มีที่สิ้นสุด ผมก็เล่นไปยาวไป 3 ปีถึงจะเบื่อผมคงไม่มีกระจิตกระใจไปนั่งเขียนเพลงแล้วล่ะ คงแบ่งเวลาไม่ถูก คงเอาชนะตัวเองตรงนั้นไม่ได้

การ์ซง : เราเคยได้ยินมาว่าคุณแม่อยากให้เลิกเล่นเกมก็เลยพาไปดูคอนเสิร์ต RAIN (เรน) ทำให้เแบมแบมสนใจวงการบันเทิงเกาหลี ใช่หรือเปล่า
แบมแบม : ใช่ๆ ครับ ตอนนั้นผมดูแล้วก็คิดดว่า พี่เรนเขาเท่ดี ก็เลยลองไปเรียนเต้น พอได้ไปเต้นแล้วเหงื่อมันไหล รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อยมาก สนุกดีครับ จากนั้นก็ฝึกเต้นเองในบ้านเรื่อยๆ

การ์ซง : ความทรงจำที่มีีความสุขในตอนเด็กของแบมแบมคืออะไร
แบมแบม : น่าจะเป็นตอนแข่ง RAIN Cover Dance In Thailand แล้วได้ที่หนึ่ง ตอนนั้นสนุกมาก ได้ขึ้นไปบนเวทีเป็นครั้งแรกในชีวิต ได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาก รู้สึกเหมือนเราเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เกิดมาเพื่อเอ็นจอยกับโมเม้นต์นี้

การ์ซง : ตอนเด็กๆ มีเรื่องเศร้าๆ ที่ยังจำได้บ้างไหม
แบมแบม : ไม่คอ่ยมี ชีวิตผมเป็นคนที่ไม่ค่อยมีอะไรเศร้าอยู่แล้ว ผมเป็นคนชิลล์ แล้วก็ไม่รู้ว่าเพื่อนผมส่วนมากประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์เป็นคนแอลเอครับผม คนทางฝั่งนั้นเขาชิลล์ๆแบบ ได้ก็ได้ ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เครียดก็มีบ้าง แต่ว่าไม่ถึงกับโรคซึมเศร้าไม่ขนาดนั้นครับผม

การ์ซง : มีนิสัยที่เป็นมาตั้งแต่เด็ก แล้วก็โตมาก็ยังติดมาถึงตอนนี้ไหม
แบมแบม : ผมเป็นคนที่ไม่ว่าจะเปลี่ยนผ้าห่ม หรือผ้าปูที่นอนต้องมีผ้าห่มที่มันลื่นๆน่ะครับ คล้ายๆ ผ้าแพร ซึ่งเป็นผ้าสำหรับหน้าร้อนไช่ไหมครับแต่หน้าหนาวที่เกาหลี ผมก็มีผ้าห่มของหน้าหนาวเป็นเซ็ตหนึ่ง แล้วก็เอาผ้าห่มนั่นมาคลุมอีกชั้นหนึ่ง

การ์ซง : ถ้ามีโอกาสได้ย้อนกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง อยากทำอะไรที่สุด นอกจากเล่นเกม
แบมแบม : ไม่มีนะครับเพราะจริงๆวัยเด็กผมก็พอใจกับสิ่งที่ทำมาทุกอย่าง แต่ลองมานึกๆดูอีกทีก็คิดว่า น่าจะเก็บเบอร์มือถือเพื่อนตอนประถมเอาไว้

การ์ซง : แต่มาถึงตอนนี้เพื่อน ๆ ก็คงเปลี่ยนเบอร์ไปแล้วหรือเปล่า
แบมแบม : อย่างน้อยก็น่าจะโทรมาบอก เปลี่ยนเบอร์แล้ว

การ์ซง : เพซบุ๊กล่ะ
แบมแบม : เพื่อนประถมผมไม่รู้ไปไหนหมดแล้ว ไม่รู้เลยครับ หายหมดเลย ช่วงนั้นยังไม่มีเฟซบุ๊กด้วย เล่นแต่ Hi5 ครับ

การ์ซง : อยากเจอเพื่อน ๆ สมัยประถมอีกหรือเปล่า
แบมแบม : อยากครับ เคยเจออยู่ 2-3 คนที่มาดูคอนเสิร์ตผมเห็นแล้วผมจำได้ แบบตอนประถมเคยเป็นเพื่อนกัน ตอนนี้เป็นแฟนคลับแล้วก็มีครับผม ผมอยากรู้ว่า ตอนนี้เพื่อนๆ ทำอะไรกันอยู่บ้าง ตอนนี้เขาน่าจะจบมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว อยากรู้ว่า แต่ละคนหน้าตาเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ตอนนั้นผมเตี้ยสุดในห้องเลยครับ แต่ผมเชื่อว่าตอนนี้มันต้องมีคนที่เคยสูงกว่าผมในตอนนั้นแต่ตอนนี้สูงกว่ามันแน่นอน (หัวเราะ) อยากรู้ว่า พวกเขาเปลี่ยนไปมากขนาดไหน เพราะทุกคนที่เคยอยู่ห้องเดียวกับผม ตอนนี้ต้องดูผมอยู่แล้วครับว่า แบมมันโตเป็นอย่างนี้ตอนนี้หน้าตาเป็นอย่างนี้ เขาดูผม แต่ผมดูเขาไม่ได้ไงครับ
      เคยมีเพื่อนสมัยเด็กๆ มาคอมเม้นต์ในโซเชียลเหมือนกันนะเขาบอกกว่า เคยอยู่ห้องเดียวกับผม ตอนนั้นตัวยังเล็กนิดเดียวอยู่เลย ซึ่งสิ่งที่เขาอธิบายมาถูกหมดเลยนะครับ สงสัยว่าจะเคยอยู่ห้องเดียวกับเขาจริงๆ นั่นแหละ แต่ผมจำเขาไม่ได้

การ์ซง : แล้วอย่างรายการ The Return of Superman Thailand แบมต้องมาร่วมงานกับเด็กเล็กๆ อย่างน้องชูใจ เราอยากรู้ว่าโดยปกติเป็นคนรักเด็กไหม
แบมแบม : เอาจริงๆ ผมยังไงก็ได้ครับกับเด็กครับผม คือไม่ได้อคติเป็นพิเศษ แต่ผมไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอเด็ก เพราะอาชีพผมเจอแต่ผู้ใหญ่หมดเลยครับ เลยไม่รู้ว่าต้องแทคแคร์เด็กอย่างไร
      ผมเลี้ยงสัตว์เก่ง แต่ว่าเลี้ยงเด็กไม่เก่งครับ มันไม่เหมือนกันครับ เลี้ยงสัตว์ให้ข้าวมัน มันก็จำเราได้แล้วครับ แต่กับเด็กไม่รู้เหมือนกันนะ เหมือนเขาจะเอาใจยากกว่านะ

การ์ซง : แล้วอย่างเจอ น้องชูใจ เป็นครั้งแรกที่เราใกล้ชิดกับเด็ก ต้องมาทำภารกิจด้วยกัน แบมแบมมีีทริคในการหลอกล่อให้น้องร่วมมือกับเราไหม
แบมแบม : ก็จริงๆผมก็ สิ่งที่มากกว่าหลอกล่อก็คือ ไม่อยากไปบังคับให้น้องเขาทำอะไร ครับผม ก็คือตามใจน้องไปก่อนดีกว่า น่าจะดีกว่า ถ้าเกิดไปห้ามเขาอย่างนี้ ผมว่าเขาอาจจะยิ่งหนีผมเข้าไปใหญ่

การ์ซง : เคยคิดไหมว่า ถ้าเรามีลูก อยากมีลูกผู้หญิงผู้ชาย หรือไม่อยากมีเลย
แบมแบม : ไม่อยากมีเนอะ แต่ถ้ามีจริงๆก็ ผมขอมีลูกผู้ชายดีกว่า ถ้าผมมีลูกผู้หญิง ผมน่าจะเป็นหวงลูกมากๆ เลยนะ แบบห้ามใส่กางเกงขาสั้น ห้ามใส่เสื้อกล้าม หน้าร้อนให้ใส่โค้ดออกไปเดินอย่างนี้เลย ผมเป็นขี้หวงครับ หวงแมว หวงของหลายอย่าง ไม่รู้หวงอะไร อาจจะเป็นเพราะเวลาผมทำงาน รู้สึกว่าโลกมันไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่เราคิดนะครับ ทั้งคนรอบข้าง อย่างเวลาผมไปงานต่างๆ ผมก็จะได้เห็นแฟนบอยกรู๊ปผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่เขาก็เหมือนแฟนคลับเราล่ะ  แต่ว่ามันจะมีแฟนคลับบางส่วนจริงๆ ที่เขาไม่ได้มองหน้า บางคอมเม้นต์ก็ล้ำเส้นไปหน่อย เลยคิดว่า ถ้าเกิดเรามีลูกสาว เราคงให้แต่งตัวมิดชิดสุดๆ แบบไม่ให้เห็นเนื้อหนังเลย ใส่ถุงมือ ใส่รองเท้าบู๊ตไปเลย

การ์ซง : แล้วมีลูกชายล่ะจะให้เล่นเกมหรือเปล่า
แบมแบม : ให้นะ ก็จะทำอะไรก็ตามใจเขาเลย ผมคงให้เขาโตมาแบบเหมือนที่แม่เลี้ยงผม อยากทำอะไรก็ทำ ให้เรียนรู้เองอะไรอย่างนี้ ถ้าเกิดพลาดก็คือพลาด ก็ให้มันเรียนรู้ไป แล้วจะไม่เข้าไปช่วยด้วย ผมว่าถ้ายิ่งไปยุ่งกับเขาเยอะๆ ยิ่งไปห้าม หรือยิ่งไปสั่งให้เขาทำนู่นทำนี่ มันจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อลูกไม่ดีเท่าไร เห็นมาหลายรายแล้ว ก็เลยปล่อยดีกว่า เหมือนเลี้ยงแมวแหละครับ เวลาเราปล่อยแมวมันจะมาหาเราเอง

การ์ซง : คิดว่า จะสปอยล์ลูกไหม
แบมแบม : ไม่น่าถึงขั้นสปอยล์ ผมเป็นคนไม่ค่อยสปอยล์คนเท่าไร ผมจะสปอยล์แต่คนที่ เป็นคนของผมจริงๆ เช่น ครอบครัว เพื่อนที่สนิทจริงๆ ผมชอบแทคแคร์เพื่อนๆ ครับผม แบบพอถึงวันเกิดก็ซื้อของขวัญให้ หรือไม่ก็เลี้ยงข้าวอะไรอย่างนี้มากกว่า

การ์ซง : ทำงานกับเด็ก สัตว์ และ Special Effect ชอบทำงานกับอะไรมากที่สุด
แบมแบม : ผมชอบทำอะไรที่ไม่ซ้ำเดิมมากกว่า ผมอยากลองอะไรที่มันนอกกรอบ ลองทำในสิ่งที่ไม่เคยทำจริงๆ ผมเป็นพวกชอบอะไรที่ extreme อยู่แล้วครับ ผมเคยดำน้ำไปถ่ายใต้น้ำเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเลยครับ สนุกดี

การ์ซง : ในอนาคตอยากทำอะไรที่รู้สึกว่าจะท้าท้ายเราได้อีก
แบมแบม : อยากเรียนขี่ม้า ยังไม่เคยเรียน ขี่ม้าเคยขี่รอบเดียวตอนเด็กๆ แต่ว่ามีคนจูงไงครับ อยากเรียนขี่ม้า แล้วก็อยากเรียนเจ็ตสกี เพราะตอนเด็กๆเคยเห็นพี่เจเล่นเจ็ตสกีแล้วดูเท่มาก ผมชอบน้ำ หรือว่าอยู่บนฟ้าอะไรอย่างนี้ ผมเคยลองเล่น Sky diving มาแล้ว 2-3 รอบแล้ว ชอบมากครับ

       เชื่อว่า ในอีกไม่นานเกินรอเราคงได้เห็นไอดอลขวัญใจชาวไทยและชาวเกาหลีใต้ทำงานที่พิสูจน์ความเป็น 'ตัวจริง' อีกหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นงานในรูปแบบไหนเขาก็รับมือไหวอย่างแน่นอน

ติดตามแบมแบมได้ที่ IG : @bambam1a

แต่งหน้า วัลยา ทิพย์วรรณาภรณ์ 
ทำผม เริงฤทธ์ อภิสิทธิ์วชิรเมธี


Chinese trans: WE_GOT7中文站



(Cut) Eng Trans: midsummer922





Scan

twitter.com/_52mm/1
twitter.com/_52mm/2
twitter.com/_52mm/3
twitter.com/_52mm/4
twitter.com/_52mm/5
twitter.com/_52mm/6
via. 52mm


http://twitter.com/944

http://twitter.com/041




http:twitter.com/24
instagram.com/Sgl

http://twitter.com/106




http://twitter.com/392
instagram.com/p6lR/




http://www.sanook.com/21/

http://twitter.com/257
tw. superman_th



http://www.sanook.com/21/

instagram.com/Fz/
ig. belleinsmile

twitter.com/42444
tw. Fucking_Hero

instagram.com/HA
ig. bambam1a

instagram.com/3l/
ig. new_athiwat
 

180108 ถ่ายนิตยสาร
instagram.com/p/BhjgeHKnArS/

facebook.com/lipsmag
facebook.com/Lips-Garcon/

http://twitter.com/new_athiwat
instagram.com/new_athiwat/

instagram.com/lipsmagazine/
instagram.com/lipsgarcon

http://www.lips-mag.com/
http://issuu.com/lipsmagazine
http://www.youtube.com/lipsmag


 

-->
<--



บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง