[HQ] BamBam - DONT Magazine (สัมภาษณ์)

วันที่ 2018-04-30 18:38:00 ผู้เข้าชม : 9501

-->
<--

DONT Magazine May 2018 : BAMBAM GOT7

fb. DONTMagazine

อ่านออนไลน์

http://dontedition.com/bambam/

ในวัย 21 ปี บริบูรณ์ กันต์พิมุกต์ กูวกุล หรือ แบมแบม สมาชิกคนไทยเพียงหนึ่งเดียวของ GOT7 วงไอดอลเกาหลีในสังกัด JYP Entertainment หนึ่งในค่ายเพลงยักษ์ใหญ่ของประเทศเกาหลีใต้ไม่ได้รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงด้านวัยวุฒิมากนัก ไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้สึกว่าตัวเองโตขึ้น หากเพราะความเป็นผู้ใหญ่ของเขาเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เจ็ดปีก่อน เมื่อเขาเข้าเป็นศิลปินฝึกหัดของค่าย

Trainee's Life
สามปีกับการเป็นศิลปินฝึกหัด ชีวิตของแบมแบมใกล้เคียงกับการเป็นนักเรียนประจำ แต่สิ่งที่ต่างไปคือตารางเวลาและวิชาเรียน "คือจะเริ่ม 10 โมงเช้าถึง 4 ทุ่มครับผม เข้าอยู่ในบริษัท พักเที่ยง พักเย็น หนึ่งชั่วโมงกินข้าว แต่ละวันก็จะมีตารางเรียนที่ไม่เหมือนกันครับ อย่างเช่น เข้าไป 10 โมงเช้า เราเป็นต่างชาติก็จะมีเรียนภาษาเกาหลีของเขา จะมีเพิ่มมาอีกตารางหนึ่ง สมมติวันจันทร์เรียนภาษาเกาหลีตอน 10 โมงเช้า เข้าปุ๊บเรียนเลย มีเรียนร้องเพลง ตอนบ่ายสอง มีเรียนเต้นตอนห้าโมงเย็นถึงทุ่มครับ เวลาไม่มีเรียนเราก็ซ้อมของเราไปเรื่อยๆ ครับ ก็อย่างนี้ ทุกวันๆ สามปี หยุดวันอาทิตย์วันเดียวครับผม"

การวัดผลจะเกิดขึ้นทุกเดือน พร้อมใบแสดงผลการเรียนเสร็จสรรพ เพื่อเป็นแรงขับในการพัฒนาตนเองของเหล่าศิลปินฝึกหัดวัยรุ่น "ทุกๆ เดือนเขาก็มีสอบครับ สอบร้องเพลงว่าดีขึ้นหรือยัง สอบภาษาเกาหลีว่าดีขึ้นหรือเปล่า เขาจะให้เกรดออกมา ก็มีปิดเทอมด้วยครับ เช่น สมมติก่อนปีใหม่ เขาก็จะมีเป็นโชว์เคสให้เด็กๆเตรียมโชว์กัน เตรียมทีมกัน ได้ขึ้นโชว์เคสต่อหน้าประธานค่ายครับผม พอจบปุ๊บเขาก็จะดูว่าเด็กคนนี้ความเลื่อนขั้นไปเป็นเด็กเกรด A หรือเปล่า พอเสร็จโชว์เคสก็กลับไปพัก ต่างคนก็กลับบ้านไปพักปิดเทอมสองเดือน พอกลับมาเขาก็จะบอกผล มีประชุมกันว่าหลังจากโชว์เคสก็จะมีการประกาศว่า คนนี้ได้เลื่อนเป็นแบบนี้ คนนี้ได้เข้าโปรเจกต์ คนนี้ได้ทำนู่นทำนี่ ก็ทำอย่างนี้ประมาณสามปีครับ แล้วก็ได้เข้าโปรเจกต์ และได้เดบิวต์เป็น GOT7 ครับ"

Very Young Grown Up
การต้องจากครอบครัวไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง เพื่อทุ่มเทชีวิตให้กับอะไรบางอย่าง ทั้งที่ไม่รู้แน่ชัดว่าโอกาสก้าวสู่ความสำเร็จจะมาถึงเมื่อไร ถือเป็นเรื่องใหญ่ทีเดียวสำหรับวัยรุ่นหนึ่งคน แต่แบมแบมบอกว่าผลลัพธ์ที่ได้คุ้มค่ากับความพยายาม นอกเหนือจากชื่อเสียงและค่าตอบแทน ประสบการณ์ระหว่างทางได้หล่อหลอมให้เขาเติบโตอย่างมั่นคงบนขาของตัวเอง

"น่าจะเป็นเรื่องความรับผิดชอบครับ เพราะผมอยู่ตรงนั้นไม่มีใครรับผิดชอบผมได้ดีเท่าผมรับผิดชอบตัวเอง ก็ต้องรับผิดชอบกับหน้าที่แล้วก็หลายๆ เรื่องครับ เวลาผมย้ายออกมาอยู่คนเดียวก็ต้องรับผิดชอบเรื่องจ่ายค่าน้ำให้ตรงเวลา อะไรอย่างนี้ครับ คือทำให้ได้เรียนรู้การใช้ชีวิตให้...ตรงกาลเทศะ ให้ตรงเวลา และก็ได้เรียนรู้การเข้ากับคนครับผม ว่าเวลาอยู่กับผู้ใหญ่ต้องทำตัวยังไงอยู่กับเพื่อนจะทำตัวยังไง คนประเทศนี้เขาทำตัวยังไง อะไรอย่างนี้ครับ"

แม้ไม่มีชีวิตวัยรุ่นแบบปกติ เพราะต้องเริ่มทำงานตั้งแต่เด็ก แต่แบมแบมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาพลาดอะไรไป "เอาจริงๆ ผมว่าไม่มีข้อเสียสักเท่าไหร่นะครับผม ถ้าเราเริ่มเร็วสมมติว่าเราพลาดตรงนี้ เราก็ยังมีเวลาที่จะไปเริ่มต้นใหม่ได้ครับผม ดีกว่าเราเริ่มตามมาตรฐานของเขา แล้วพอสมมติเราทำพลาดปุ๊บแล้วเราอยากเปลี่ยน มันสายแล้วครับผม ก็ดีครับที่เริ่มเร็ว เหมือนเรียนรู้อะไรหลายๆ อย่างเวลาเจอเพื่อน ผมก็สามารถแนะนำเขาได้ รู้สึกเหมือนกับว่าผมสามารถตอบแทนคนของผมได้เร็วกว่าหลายๆ คน อย่างตอบแทนครอบครัว ตอบแทนคนที่เขาดูแลผม ตอบแทนคนที่เขามีความสำคัญกับผมครับ ผมพอใจและรู้สึกดีที่เรายอมเสียสละชีวิตวัยเด็กไป พอมามองตอนนี้มันก็คุ้มที่ยอมเสียตรงนั้นไป อันนี้มันเป็นเรื่องเรียนนอกตำรา จะไปจะเรียนที่ไหนไม่ได้ ต้องผ่านประสบการณ์ชีวิตอย่างเดียวเลยครับ ก็รู้สึกว่าผมโชคดีครับ ตัวเองได้มีโอกาสไปอยู่อย่างนี้ ได้เรียนรู้ชีวิตจริงเร็วกว่าคนอื่น" 

Idol's World
"ตอนเวทีแรกเขาก็จะแค่สอนว่า เวลาอัดรายการ กล้องที่มีไฟสีแดงคือกล้องที่กำลังถ่ายเราอยู่ อะไรอย่างนี้ เขาบอกว่าก็ต้องคอยหากล้องให้ดี และตอนที่ขึ้นเวทีแรกเลย ตอนเดบิวต์หากล้องไม่เจอครับ แต่พอขึ้นเวทีไปเรื่อยๆๆๆ ก็จับเองได้ว่าตรงนี้กล้องนี้ ตรงนี้กล้องนู้น อะไรแบบนี้ครับและก็เป็นธรรมชาติมากขึ้นครับ อันนี้ไม่มีให้เรียน มาจากประสบการณ์บนเวทีซะมากกว่า" แบมแบมเล่าให้ฟังถึงประสบการณ์ช่วงเปิดตัว GOT7

"ตอนนั้นก็คือตื่นเต้น เป็นเวทีแรกที่เดบิวต์ก็ตื่นเต้น แต่ว่าเรื่องกล้องเรื่องอะไรพวกนี้ไม่ค่อยเท่าไหร่ครับ คือแค่หายากหน่อย อาจจะแค่กดดันนิดหนึ่ง พอดูตัวเอง ก็...เอ๊ะ...ทำไมเราหน้าตาอย่างนี้ ทำไมหน้าเราดูใหญ่จัง ออกกล้องรอบแรกก็พอรู้ว่า เราต้องปรับสภาพร่างกายเราให้เข้ากับกล้องด้วย สมมติเราน้ำหนัก 60 กล้องจะออกมา 67 แบบนี้ เราก็ต้องลดให้เวลาออกกล้องมาอยู่ 60 อะไรอย่างนี้ครับผม ให้พอดี ก็จะมีตรงนั้นด้วยครับก็คือเรียนรู้จากประสบการณ์ที่ขึ้นเวทีครับผม ก็มอนิเตอร์ตัวเองไปเรื่อยๆ เวลาออกรายการครับ"

สามปีแรกของการเป็นศิลปินเต็มตัว ทุกจังหวะชีวิตของแบมแบมคือการทำงาน "ชีวิตเหมือนเดิมตลอดครับ ตื่นมาแต่งหน้า ทำงาน จะไปแต่ละประเทศ ก็อยู่แต่โรงแรมหรือที่เล่นคอนเสิร์ตอย่างนี้ครับผม อยู่ที่ไหนก็เหมือนไม่ได้ไปเที่ยวประเทศนั้น เหมือนไปเที่ยวว่าประเทศนั้นโรงแรมเป็นยังไง มีแต่โรงแรมทั้งนั้นเลยครับ" พูดถึงตรงนี้แบมแบมเรียกเสียงหัวเราะได้จากวงสนทนา

"เริ่มเบื่อว่าใช้ชีวิตเหมือนเดิมทุกวันๆๆๆ อยากมีอะไรใหม่ๆ เข้ามาบ้าง" เขาหมายถึงบรรยากาศและความรู้สึกใหม่ๆ ในชีวิต "คือตารางานที่ไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนตลอด แต่ว่าผมเดาบรรยากาศได้ สมมติว่า วันนี้คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น อะไปญี่ปุ่น เราก็เห็นสนามบินญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้ โรงแรมญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้ คอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่นเป็นอย่างนี้ แล้วกลับ ก็ไม่รู้ว่าข้างนอกที่ญี่ปุ่นเป็นยังไง วันนี้มีคอนเสิร์ตที่เวียดนาม ก็ไปสนามบินเวียดนาม โรงแรมเวียดนาม คอนเสิร์ตเวียดนาม จบแล้วก็กลับเกาหลีครับ ก็เหมือนเดิมทุกวัน ก็คือแค่สนุกที่ดูโรงแรมแต่ละที่ว่าเป็นโรงแรมยังไง ที่เหลือก็เหมือนเดิม ก็จะมีช่วงที่เริ่มเบื่อๆ หน่อย เหมือนเดิมทุกวันเลย ไม่มีอะไรแปลกใหม่เลย มีแม่โทร. มา" แบมแบมหัวเราะร่วน ก่อนจะบอกว่าช่วงแรกที่เป็นศิลปินเต็มตัว ต้นสังกัดจัดระเบียบหนักยิ่งกว่าตอนฝึกเสียอีก

"ตอนเป็นเด็กฝึกไม่มีอิสระ อันนี้เป็นเรื่องปกติอยู่แล้วใช่ไหมครับ ไม่มีมือถือ อะไรอย่างนี้ ตอนแรกผมคิดว่า พอเราเดบิวต์แล้วจะได้อิสระกลับมา แต่พอเดบิวต์จริงๆ อิสระภาพหายไปกว่าเดิมอีกครับผม" พูดถึงตรงนี้หนุ่มน้อยหัวเราะเสียงดัง

"ปีแรกที่เดบิวต์ ไม่มีมือถือเป็นปีครับ เพราะเขาอยากให้โฟกัสที่งานของเดบิวต์จริงๆ โฟกัสกับ GOT7 จริงๆ ปีที่สองได้มือถือกลับมา วันที่ไม่มีงานก็กลับบ้านได้ถึงสี่ทุ่ม ก็จะมีเวลาเข้าบ้านแล้วก็อยู่รวมกันครับผม แล้วพอเข้าปีที่สามเลื่อนเป็นเที่ยงคืน กลับบ้านให้ถึงเที่ยงคืน พอเข้าเป็นปีที่สี่ ปีนี้เพิ่งเริ่ม เขาบอกว่า ตอนนี้เริ่มโตกันแล้ว ไม่มีเด็กที่ยังไมบรรลุนิติภาวะในทีม GOT7 แล้ว เขาก็เลยบอกว่าต้องรับผิดชอบตัวเองเป็นแล้ว กลับบ้านเวลาไหนก็ได้ แล้วแค่ครับ ถ้าไม่มีเวลางาน จะทำอะไรก็ทำเลย แต่ว่าต้องดูแลตัวเอง อย่าทำอะไรที่ไม่ดี หรือทำให้ภาพลักษณ์เสีย ถ้าอยากออกไปอยู่คนเดียวก็ออกไปอยู่คนเดียว ผมก็เลยออกไปอยู่คนเดียวครับ เพราะผมอยากเลี้ยงแมว"

New Chapter of Life
"คือชีวิตเด็กหอ ผมอยู่มาตั้งแต่ฝึกแล้ว อย่างเมมเบอร์เกาหลี เขาก็อยู่บ้านมาก่อนแล้วเขาเพิ่งมาเข้าหอก่อนเป็น GOT7 แต่ผมอยู่หอประมาณแปดปีแล้ว ก็ต้องเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เปลี่ยนมาอยู่บ้านเดี่ยว ชีวิตมีอะไรแปลกใหม่เยอะขึ้น ได้อิสระ ออกมาอยู่คนเดียว เริ่มเลี้ยงแมว และค่ายก็จะมีช่วงให้พักเสาร์อาทิตย์ เป็นฮอลิเดย์ให้ GOT7 ด้วยครับ เขาเริ่มตอบแทนที่ขยันมาสี่ปี ก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้น มีเวลาเจอเพื่อนเยอะขึ้น มีเวลาได้ไปไหนที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานเลย ไปทะเล ไปภูเขา ไปแล้วก็สบายใจ"

ไม่ใช่แค่เรื่องชีวิตส่วนตัวที่มีการเปลี่ยนแปลง วงจรการทำงานของแบมแบมก็เปลี่ยนไปเช่นกัน "ค่ายเขาเริ่มปล่อยให้ทำงานเดี่ยว ถามว่าเหงาไหม ก็เหงาครับ สมมติเวลาอยู่ 7 คน ผมทำประมาณ 40 อีกที่เหลือ 6 คนก็จะมาช่วยเติมเต็มให้ครบ 100 ครับงานนี้ แต่ถ้าทำคนเดียวงานนี้ก็ต้องให้เต็ม 100 เราต้องเติมเต็มทั้งให้เต็ม 100 คนเดียวครับ ก็มีความสนุกตรงนั้นเหมือนกันครับ เวลาทำงานเหมือนเราอัพเกรดเลเวลมาอีกเลเวลหนึ่ง" เขาหัวเราะเสียงใส

"ถ้าในนาม GOT7 ก็จะมีเส้นของ GOT7 ว่านี่เป็นคอนเซ็ปต์ของ GOT7 นี่เป็นลุค GOT7 จะต้องเป็นสไตล์นี้ๆ พอผมได้มีโอกาสได้มาทำอย่างนี้ ก็เหมือนทุบกำแพงอีกอันหนึ่งออกไป คอนเซ็ปต์ก็หลากหลายกว่า"

Professional BAMBAM
"เวลาขึ้นเวทีร้องเพลงเต้น สนุกสุดครับสำหรับผมครับ เพราะว่าได้โชว์ในสิ่งที่เราอยากบอกได้ครับ เราโชว์เพลงที่เราเขียนเอง สมมติเกิดผมอยากเขียนเพลงเกี่ยวกับบรรยายการใช้ชีวิตของผม ผมก็เขียนเพลงเกี่ยวกับเรื่องนั้น เวลาโชว์ก็จะสื่อสารให้เขารู้ว่าเราอยากบอกอันนี้นะ แต่เราบอกตรงๆ ไม่ได้ เราเลยต้องบอกผ่านเพลง เหมือนสื่ออารมณ์ให้คนได้รู้ผ่านเพลง อันนี้สนุกที่สุดครับ และเต้นก็สนุกครับและเราถนัดสุดด้วยครับ"

การเขียนเพลงและแรปภาษาเกาหลีไม่ใช่สิ่งที่เขาหนักใจอีกต่อไป "เขียนแรปเกาหลีผมรู้ว่า ก็มีหลายคำศัพท์ใช่มั้ยครับ" สมมติว่าเราจะใช้คำว่ากินน้ำ แต่มันมีศัพท์ที่เท่กว่ากินน้ำ แต่ความหมายเดียวกันอย่างภาษาเกาหลีผมรู้ว่าเราต้องใช้คำศัพท์นี้ ต้องใช้โฟลว์แบบไหนถึงจะเข้ากับยุคนี้ครับ

ตั้งแต่เดบิวต์มาจนถึงตอนนี้ ฝันของผมเป็นจริงมาหลายอันแล้วครับ พอมันเป็นจริงแล้ว ก็มีฝันใหม่ขึ้นมา มันก็เป็นแรงขับเราไปเรื่อยๆ ส่วนที่ไทย เอาจริงๆ ฝันผมคือคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ สักรอบหนึ่ง

แม้งานหลักจะยังเป็นสิ่งที่ชอบและถนัดที่สุด แต่แบมแบมก็พร้อมที่จะลองทำงานในรูปแบบอื่นๆ "อยากลองเล่นหนังครับ จะได้โชว์ลุคที่ไม่ใช่ผม เอาตัวละครมาใส่ในตัวผม ผมว่าหลายๆ คนอยากเห็นสิ่งนี้จากผม แล้วก็จะเป็นถ่ายวิดีโอที่ผมชอบครับ ก็จะเรียนรู้เรื่องกล้องนั้นกล้องนี้"

เขาพูดแล้วหยิบโทรศัพท์เพื่อเปิดวิดีโอที่เขาตัดต่อเองให้เราดู "ทำเล่นๆครับ อันที่ผมตัดต่อที่ญี่ปุ่นและก็เปิดในคอนเสิร์ตที่ญี่ปุ่น ก็จะมีบินโดรนเองบ้าง ช่วงที่ผมอยู่บนเวที ผมถ่ายไม่ได้ก็จะให้คนอื่นเอากล้องผมไปถ่ายให้"

แบมแบมสนุกกับการทำคลิปวิดีโอและการถ่ายภาพ เพราะเขาได้สื่อสารความเป็นตัวเองให้แฟนๆ ได้รู้จักมากขึ้น "ผมเวลาถ่ายรูป ตอนแรกผมอยากให้คนรู้ ว่าเรามองโลกแบบนี้ ด้วยสายตาแบบนี้นะ แต่พอเริ่มไปสักพักหนึ่งผมก็อยากให้อาร์ตขึ้นเรื่อยๆ ดีปขึ้นเรื่อยๆ วิดีโออาจจะขาวดำ คนดูอาจจะเก็ตหรือไม่เก็ตก็ได้ แต่ว่าผมชอบแบบนี้ ถ้าผมทำแล้วมีคนชอบสิ่งที่ผมชอบ ก็เหมือนมีคนยอมรับผมอีกด้านหนึ่ง ผมไม่ได้อยากทำแต่สิ่งที่เขาชอบอย่างเดียว ผมอยากทำสิ่งที่ผมชอบด้วย และเขายอมรับตรงนั้นคือถ้าอยากเห็นแบมแบมน่ารัก ก็ต้องน่ารักตลอดชีวิต ไม่ใช่อย่างนั้นครับ"

เขาอยากจะให้แฟนๆ รู้จักและยอมรับตัวตนของเขาในทุกๆ มุม ไม่ใช่เฉพาะความสดใสน่ารัก "บางทีออกกล้องถ้าผมไม่อยากยิ้ม ผมก็ไม่ยิ้มบ้างบางทีครับ เราไม่จำเป็นต้องโชว์ให้เขาเห็น อย่างที่เขาอยากเห็น เราก็ไม่จำเป็นต้องไปแมตช์กับคนที่เขาอยากดูหมดอะครับ บางทีเขาก็จำเป็นต้องยอมรับความเป็นตัวของเราจริงๆ บ้าง"

Good Days, Bad Days
ในวันที่กายและใจพร้อม แบมแบมสนุกกับการทำงานและรับมือกับความกดดันได้เสมอ "เรื่องงานเล็กๆ ครับ ถ้าจบงานนั้นไปก็หายกดดัน เช่นทำเพลงมา เขาเอาอัลบั้มกลับมาให้แก้ ทำเสร็จแล้วส่งกลับไป กลับมาแก้อีก ส่งไป ก็แก้อีก อันนี้ก็กดดันเหมือนกัน แต่ไม่ได้ถึงขั้นแบบ โหย...จะบ้าตาย ขนาดนั้น และผมก็เอ็นจอยกับสิ่งที่ผมทำอยู่ตอนนี้ครับ มันโอเคครับ"

เรื่องงานแบมแบมเอาอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่มีวันที่รู้สึกหดหู่เลย "จะเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ แต่ไม่บ่อย อย่างถ้านอนไม่พอ มันก็เหนื่อย หรือกดดันเรื่องชีวิตส่วนตัว บางทีผมดูหนัง แล้วเขาก็ไปเที่ยวนู่นเที่ยวนี่ในหนังบางทีก็อิจฉาเขา เออ...เราก็ไปมีชีวิตอย่างนั้นไม่ได้เนอะ ก็จะมีอะไรแบบนั้นบ้างครับ หรือบางทีคุยกับเพื่อนที่เขาไม่ได้เป็นดารา เขาก็จะเคาน์ดาวน์ปีใหม่กัน สังสรรค์กัน ปีใหม่ผมอยู่ในสตูดิโอ ออกมา เอ๊า...ปีใหม่แล้ว คือบางทีผมก็อยากมีชีวิตแบบคนธรรมดาบ้าง แต่มีไม่ได้ ก็เข้าใจนะ แต่บางทีก็มีช่วงที่เซ็งจริงๆ เรามาร้องเพลงทำไม" เขาหัวเราะเบาๆ

"จะมีช่วงหยุดเหมือนตรุษจีนของเกาหลี เมมเบอร์เกาหลีเขาก็มีครอบครัวในเกาหลี เขาก็กลับไปหาครอบครัว ตอนนี้ผมย้ายออกมาอยู่คนเดียว ก็ยิ่งแบบ เซ็ง ไม่มีอะไรทำ เพื่อนก็กลับบ้านไปเจอครอบครัว ผมจะกลับไทยเวลาก็ไม่พอ พูดแบบนี้อาจจะดูว่าเรื่องเล็กๆ แต่ตอนที่อยู่ในสถานการณ์จริงๆ มันเซ็ง"

หนุ่มน้อยรับมือกับความรู้สึกแย่ๆ ด้วยวิธีการที่เรียบง่ายที่สุด "หลับไปเลยครับหรือไม่ก็เปิดหนังดู มีอะไรให้ผ่อนคลายเยอะครับ ไม่ได้ถึงขั้นจะต้องไปหาหมอ แค่บางทีก็อยาจจะมีเซ็งมาก บางทีก็อาจจะเซ็งนิดหนึ่ง"

Home Away From Home
เกือบสิบปีที่พำนักในเกาหลีใต้ โดยเฉพาะเมื่อใช้ภาษาเกาหลีได้คล่อง ทำให้แบมแบมรู้สึกว่าเขาไม่ใช่คนต่างถิ่นอีกต่อไป "ตอนแรกที่ยังไม่เก็ตวัฒนธรรมเขา ภาษาไม่ได้ แต่พอเราเข้า ภาษาได้ เอาจริงๆ อยู่ไทยหรืออยู่เกาหลี ผมรู้สึกว่าไม่ต่างกันเท่าไหร่ครับ เวลาอยู่เกาหลี ผมไม่นึกว่ามันคือต่างประเทศแล้ว เพราะอยู่นานจนมีบ้านแล้ว มีบัตรเอเลี่ยนเกาหลีแล้ว คือชินแล้วครับ คือชินมากๆ รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นต่างประเทศแล้ว"

อีกทั้งเขายังมีนิชคุณ หรเวชกุล เป็นศิลปินไทยร่วมค่ายคอยให้กำลังใจ และยังได้พบปะกับไอดอลไทยต่างค่ายอยู่เป็นประจำ "ผมเจอพี่คุณบ่อยพอสมควรครับ หลังจากเดบิวต์นี่ยิ่งเจอบ่อยเลยครับ ก็รู้สึกเหมือนมีคนเข้าใจเรา เวลาผมเครียด เขาจะบอกว่า ที่เข้าใจนะ เขาจะคอยซัพพอร์ต คือเหมือนมีคนที่เข้าใจผมจริงๆ เพราะเราอยู่ในฐานะเดียวกัน เอาจริงๆ เรามีกรุ๊ปแชทคนไทยที่เกาหลี แล้วเราก็รู้จักกันหมดอยู่แล้ว บ้านก็ใกล้ๆ กันหมดเลยเจอกันบ่อย พี่ลิส (ลิซ่า BLAKPINK) นี่ก็เจอตามงานเกือบทุกวันส่วนพี่เตนล์ (NCT) เขาอยู่ SM ครับ SM จะเข้มงวดหน่อย ออกไม่ได้ (หัวเราะ) ก็ไม่ได้เจอครับ ก็จะมีพี่สร CLC ที่เจอบ่อย"

Make Thailand Proud
การประสบความสำเร็จในประเทศเกาหลีใต้ ทำให้แบมแบมรู้สึกภูมิใจในฐานะที่เขาถือพาสปอร์ตไทย "หลายๆ คนบอกว่าผมทำให้คนไทยเขาพราวด์ เหมือนเป็นหน้าตาของไทยครับ ผมไปทำดี เมืองไทยก็ดูดี คนไทยก็ดูดี ถ้าเราทำไม่ดี เขาก็อาจจะดูถูกคนไทยได้ครับผม ตอนเป็นเด็กฝึก ผมยังไม่คิดขนาดนั้น เราแค่อยากทำให้ครอบครัวภูมิใจ ไม่อยากกลับบ้านมือเปล่า อยากเอาความสำเร็จกลับไปด้วย แต่พอเดบิวต์จริงๆ ผมเห็นรีแอ็กชั่นจากประเทศไทย มันมีคนดูเราเยอะกว่าที่เราคิดและมีแฟนคลับต่างชาติหลายประเทศเลยที่มาเที่ยวประเทศไทย เรียนภาษาไทย ชอบมวยไทยเพราะผม มีอะไรอย่างนี้เยอะ เราก็คิดขึ้นมาเองว่าถ้าเราทำดี ประเทศไทยก็คงภาพลักษณ์ดี เราต้องไม่ทำให้ภาพลักษณ์ประเทศไทย ภาพลักษณ์คนไทยเสีย ผมก็ต้องใส่ใจในเรื่องนี้นิดหนึ่ง"

Go For Goals
ความตั้งใจและมุ่งมั่นของแบมแบมฉายแววออกมากับทุกสิ่งที่เขาทำ หรือนี่คือสิ่งที่เขาซึมซับมาจากวัฒนธรรมการทำงานของคนเกาหลีใต้โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมบันเทิงซึ่งเต็มไปด้วยความกดดัน "ไม่นะครับ ไม่ได้เกี่ยวกับวัฒนธรรม มันอยู่ที่ตัวคน มันอยู่ที่ตัวเรา อยู่ที่ใจเรา ถ้าเรามีเป้าหมายจริงๆ ก็ต้องไปให้ถึง อย่างแข่งกีฬา คงไม่มีใครอยากแพ้ ยังไงก็อยากแข่งให้ชนะ เราก็ต้องทำให้ได้ตามเป้าหมาย ไม่มีใครมีเป้าหมายไว้เฉยๆ หรอกครับ"

แล้วเป้าหมายของเขาคืออะไร "เปลี่ยนไปเรื่อยๆ ครับ ตอนนี้เป้าหมายของผมคือคอนเสิร์ต คอนเสิร์ตที่เคยเยอะที่สุดอยู่ที่ 15,000 คนครับ เป้าหมายอันต่อไปเป็น 20,000 คนในฮอลล์เดียวเลย อะไรอย่างนี้ครับ ประเทศไหนก็ได้ครับ พอเป้าหมายบรรลุ ก็มีเป้าหมายใหม่ขึ้นมาเรื่อยๆๆ ครับ ตั้งแต่เดบิวต์มาจนถึงตอนนี้ ฝันของผมเป็นจริงมาหลายอันแล้วครับพอเป็นจริงแล้ว ก็มีฝันใหม่ขึ้นมา ก็เป็นแรงขับเราไปเรื่อยๆ ส่วนที่ไทย เอาจริงๆ ฝันผมคือคอนเสิร์ตที่ราชมังฯ สักรอบหนึ่ง" แบมหัวเราะร่วนเมื่อเผยความฝันที่อยากให้เป็นจริงในบ้านเกิด"เราก็ต้องจับเป้าหมายสูง ไว้ก่อน ถ้าเกิดจับเป้าหมายต่ำ จุดมุ่งหมายเราก็จะไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น เราก็จะไม่กระตือรือร้นครับ"

แบมแบมเก็บเกี่ยวความรู้สึกดีๆ ตลอดเส้นทางเดินจากเป้าหมายก่อนหน้าไปยังเป้าหมายใหม่  "รู้สึกดีที่หลายๆ คนยอมรับในตัวผม" น้ำเสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความสุข "ผมพอใจที่คนไม่ได้ยอมรับแค่หน้าตา แต่ยอมรับความสามารถเราด้วย แต่ถามว่าพอหรือยัง ยังครับ ผมจะไปให้สุดครับผม จนกว่าจะไม่ไหว จนถึงตอนนั้นค่อยพักก็ได้ คือผมเพิ่ง 21 เอง ผมยังมีเวลาอีกตั้งเยอะ เป้าหมายผมคือ 30 ปุ๊บ ผมจะพักเลย 30 อยากไปเที่ยวรอบโลกครับครับ"








instagram/16


















dontfreemag3









ig. dontmagazine

instagram.com/p/BijqtKtg199/
ig. wallaya_noo
instagram.com/p/BikATkfFGvB/
ig. sommuepsg


dontfreemag4

dontfreemag5

GOT7Official/1
GOT7Official/2
GOT7Official/3
cr. GOT7Official






instagram.com/p/BiUZmFGj1FV/
ig. wallaya_noo
 

DONT Magazine
http://dontedition.com/
http://issuu.com/dontfreemag
http://twitter.com/dontfreemag
http://www.instagram.com/dontmagazine/
http://www.facebook.com/DONTMagazine/
http://www.youtube.com/user/DONTchannel/
http://www.facebook.com/sarun.tangtevanon

180105

-->
<--



บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง