BamBam 뱀뱀 #riBBon - GQ Thailand July 2021

วันที่ 2021-09-19 19:45:00 ผู้เข้าชม : 1371

-->
<--

การเดินทางครั้งใหม่ในฐานะศิลปินเดี่ยวของ

‘แบมแบม - กันต์พิมุกต์ ภูวกุล'



--> Read Now - GQ TH <--







cr. gqthailand

cr. GQThailand

cr. GQThailand

cr. GQThailand





















cr. vlive.tv

FB :  GQ Thailand








 

การเดินทางครั้งใหม่ในฐานะศิลปินเดี่ยวของ ‘แบมแบม - กันต์พิมุกต์ ภูวกุล'

แบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ต้องจากบ้านเกิดไปตั้งแต่อายุ 13 ขวบ เพื่อเดินตามความฝันโดยการเป็นศิลปินฝึกหัดสังกัดค่าย JYP ที่เกาหลี แต่แล้วเพียง 4 ปีให้หลังเขาก็ได้เดบิวต์ร่วมกับเพื่อนสมาชิกอีก 6 คน ในนามวง GOT7

ตลอดระยะเวลากว่า 7 ปีของแบมแบมในฐานะสมาชิกวง GOT7 ได้สร้างชื่อให้เขาเป็นศิลปินไอดอลที่มีแฟนคลับทั้งในเกาหลีและไทย มีผลงานมากมายออกมาอย่างไม่ขาดสาย ซึ่งแน่นอนว่าการเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับนี้ย่อมมีราคาที่ต้องจ่าย เพราะเป็นเส้นทางเดินที่ไม่สวยหรูอย่างที่ใครๆ คิดกัน

ในวันนี้ที่วง GOT7 หมดสัญญากับค่าย JYP พร้อมๆ กับการเติบโตของสมาชิกในวง ด้วยวัยและประสบการณ์ที่มากขึ้น ทุกคนต่างเห็นพ้องตรงกันว่าถึงเวลาแล้วที่จะไปทดลองอะไรใหม่ๆ ในชีวิต

“GOT7 ไม่ได้แยกวง” แบมแบมยืนยันกับเรา เพียงแค่หยุดพักไว้ชั่วคราว แต่ละคนเลือกไปทำในสิ่งที่สนใจ แล้ว GOT7 จะกลับมาทำเพลงอีกเมื่อไรก็ได้

แบมแบมเลือกเส้นทางอาชีพในฐานะศิลปินเดี่ยวสังกัด ABYSS Company ค่ายบันเทิงชื่อดังของเกาหลี ที่มีศิลปินร่วมค่ายอย่างซอนมี (Sunmi) และพัควอน (Park Won) ซึ่งผลงานเพลงของแบมแบมน่าจะทยอยปล่อยออกมาให้ได้ฟังอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับผลงานอื่นๆ ในวงการบันเทิง

นี่คือจุดเริ่มต้นที่เราจะได้เห็นแบมแบมในแบบที่เขาอยากเป็นและอยากทำ ซึ่งไม่ใช่แค่ในเกาหลีหรือไทยเท่านั้น แต่ฝันไกลของแบมแบมคืออยากให้คนทั้งโลกได้ฟังเพลงของเขา

GQ: การตัดสินใจบนเส้นทางการเป็นศิลปินเดี่ยว มีการเตรียมตัวอย่างไร ยากกว่าที่คิด หรือมีข้อกังวลอะไรไหม

จริงๆ ก็กังวลนะครับ คือตอนเป็นศิลปินกลุ่ม ถ้าผมอยู่ในจุดที่ไม่มั่นใจ สมาชิกคนอื่นก็จะคอยเติมเต็มให้เรา มันทำให้คนอื่นมองไม่เห็นจุดนั้นของเรา พอมาอยู่คนเดียว ไม่มีใครบังจุดอ่อนของเราได้ ทุกอย่างอยู่ที่ผมหมดเลย ช่วงนี้เลยหนักอยู่เหมือนกัน เพราะจะต้องทำให้ทุกอย่างออกมาสมบูรณ์แบบ แต่ในแง่ของการทำเพลงเดี่ยวก็อาจไม่ถึงกับท้าทายมากนัก เพราะผมเคยทำมาหมดแล้ว เคยฟีเจอริงกับคนอื่นมาแล้ว ทุกอย่างทำงานคล้ายเดิม เพียงแต่ถ้าอยากทำออกมาให้มันดี ก็ต้องใช้เวลาทำงานให้นานและลึกมากขึ้น

GQ: ภาพที่เราจะได้เห็นคุณในฐานะศิลปินเดี่ยวเป็นแบบไหน

มีหลายแบบ หลายสไตล์ แต่ผมคิดว่ารอดูเองดีกว่า ถ้าอัลบั้มเต็มได้ออกมา ทุกคนจะรู้สึกว่าเป็นอะไรที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย เป็นอีกคุณภาพหนึ่งที่ไม่ได้เห็นจากผมมาตลอด 7 ปี

GQ: ทำไมถึงต้องเป็นค่าย ABYSS Company

ก่อนหน้านี้มีคุยกับค่ายอื่นบ้าง แต่ทุกครั้งที่ผมประชุมด้วย ผมจะถามเขาว่าทำไมถึงอยากได้ผมไปทำงานด้วย ส่วนใหญ่ตอบคล้ายกันในแง่ของช่วยให้เข้าถึงตลาดไทยได้ง่ายขึ้น จริงๆ ผมไม่ค่อยชอบตรงนั้นสักเท่าไร เพราะฝันของผมไม่ใช่แค่อยากทำเงินในประเทศไทย

แต่ ABYSS Company เป็นค่ายเดียวที่บอกว่าผมยังแสดงความสามารถออกมาไม่หมดร้อยเปอร์เซ็นต์ อยากจะลองให้ผมทำในสิ่งที่อยากทำ ซึ่งผมไม่ได้ทำตลอด 7 ปีตั้งแต่เดบิวต์มาครับ

GQ: แล้วกระบวนการทำงานเป็นไปอย่างที่ทางค่ายบอกกับคุณตั้งแต่แรกไหม

หลายคนน่าจะรู้ว่าผมอวยไม่เก่ง หลังจากการทำงานกับค่ายนี้ ด้วยสภาพแวดล้อมต่างๆ ผมรู้สึกดีขึ้นเยอะ จากที่ไม่ชอบทำบางอย่าง ก็กลายเป็นสนุกขึ้นมา ตอนย้ายค่ายมา ผมไม่รู้เลยว่าต้องทำงานกับใคร เจอคนแบบไหน แต่ผมรู้สึกว่าค่ายจริงใจกับเรา แล้วไม่ใช่แค่ผมคนเดียว กับสมาชิกวง GOT7 ด้วย ถึงแม้วงเราจะไม่ได้เซ็นสัญญากับค่ายนี้ ทุกอย่างราบรื่นกว่าที่คิด

GQ: คุณเข้าไปมีส่วนร่วมกับการทำงานอย่างไรบ้าง

ตั้งแต่คิดคอนเซ็ปต์ แต่งเพลงเอง ชื่อปกอัลบั้มก็น่าจะเป็นอันที่ผมคิดไว้ ส่วนท่าเต้นก็ช่วยกันกับแดนเซอร์ จริงๆ ดีมากครับ ทุกคนเชื่อใจผม ทำทุกอย่างแบบไม่กดดันและเต็มที่ ได้รับการสนับสนุนในทุกด้าน

ซึ่งไม่ใช่แค่งานเพลงอย่างเดียว แต่มีโฆษณาตัวใหม่ และผลงานอื่นๆ อีกที่จะตามมา น่าจะได้เห็นกันตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ยาวจนถึงสิ้นปีนี้เลยครับ

GQ: ขอถามย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น อะไรคือแรงผลักดันให้คุณอยากเป็นศิลปินที่เกาหลี

ช่วงที่คุณแม่ผมพาไปดูคอนเสิร์ตของศิลปินที่ชื่อ ‘เรน’ (Jung Ji-hoon) ตอนนั้นเป็นสิ่งแรกที่ทำให้เรารู้สึกว่าการอยู่บนเวทีมันเท่ดี แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ ด้วยความที่เรายังเด็ก หลังจากนั้นก็เริ่มลองเต้น แล้วก็มีโอกาสได้โชว์บนเวทีของโรงเรียนและก็เวทีแข่งขัน ผมมีความสุขเวลาที่คนดูกรี๊ดให้กำลังใจเรา เป็นความรู้สึกที่ดี หลังจากนั้นก็ทำมาเรื่อยๆ จนถึงตอนนี้

GQ: ฝึกเต้นอย่างเดียวเลยไหม หรือร้องเพลงกับเล่นดนตรีด้วย

ผมเต้นมาตลอดเลยครับ ไม่ค่อยสนใจเรื่องร้องเพลงกับดนตรี แต่พอมาอยู่กับ JYP ทำไปทำมารู้สึกว่าร้องเพลงก็สนุกดี แต่ผมชอบแร็ปมากกว่า จนอายุ 20 กว่า กลายเป็นว่าชอบร้องเพลงมากกว่าแร็ป ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับผมเหมือนกัน หลังจากนั้นก็เริ่มแต่งเพลงจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรเหมือนกัน ไม่มีคนสอน ก็ศึกษาในยูทูบ ดูว่าทำกันอย่างไร แล้วก็มีบีตที่มันฟรี ก็ลองใส่เนื้อร้องกับเมโลดีเข้าไป

GQ: เด็กอายุ 13 ขวบ ที่ต้องจากบ้านเกิดไปฝึกฝนการเป็นศิลปินฝึกหัดที่เกาหลีต้องเจอกับอะไรบ้าง

ฝึกเหนื่อยครับ แต่เป็นความเหนื่อยทางจิตใจมากกว่าร่างกาย คือเราซ้อมสิบโมงเช้าถึงสี่ทุ่มทุกวัน หยุดวันอาทิตย์แค่วันเดียว ปีแรกคือสนุก มาต่างประเทศครั้งแรก ได้เจอเพื่อนใหม่ พอเข้าปีที่สองก็ยังโอเค แต่จะมีช่วงที่เริ่มไม่ค่อยขยัน รู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนเดิมตลอด เป็นช่วงที่เริ่มรู้สึกดาวน์ ทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พอขึ้นปีที่สามเราเริ่มกลัว เริ่มตั้งคำถามว่าจะได้เดบิวต์ไหม สมมติไม่ได้เดบิวต์จะทำอย่างไร อนาคตเริ่มไม่มั่นใจ แต่โชคดีที่พอเข้าปีที่สี่ก็ได้เดบิวต์เป็นวง GOT7 พอดี

GQ: ช่วงเวลาที่คุณดำดิ่ง รู้สึกท้อแท้มากๆ จัดการตัวเองอย่างไร

ตอนเป็นเด็กฝึกทำอะไรไม่ได้ เพราะอยู่หอพักกับคนอื่นๆ แค่ขอเวลาออกไปสูดอากาศก็ยังไม่ได้ เป็นช่วงเวลาที่บริษัทกำหนดให้เราต้องซ้อม ซึ่งตอนเด็กเราก็อยู่ต่อไป พยายามคิดว่าถ้าไม่ได้อะไร อย่างน้อยก็ยังได้ภาษา ได้ทักษะการเต้น การร้องเพลงกลับไป แต่หลังจากเดบิวต์แล้ว พยายามจะคลายเครียดทุกครั้งที่เสร็จงาน จะแบ่งเวลาเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวให้มันบาลานซ์กัน

GQ: ตอนได้เดบิวต์แล้วรู้สึกโล่งเลยไหม

คิดว่าพอได้เดบิวต์แล้วจะจบแค่นั้น แต่ดันหนักกว่าเดิม ช่วงแรกๆ ตั้งตัวไม่ค่อยได้ ทุกอย่างไม่ค่อยเป็นไปอย่างที่คิดสักเท่าไร ในแง่ของการทำงาน เริ่มมีคนให้ความสนใจ ก็จะมีช่วงเจอคอมเมนต์แย่ๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าคือเรื่องปกติอยู่แล้วหรือเปล่า แต่พออยู่มาสามสี่ปีจึงเริ่มเข้าใจ

เอาจริงผมคิดว่า GOT7 มาไกลกว่าที่ผมคิดมากเลยครับ ตอนแรกคิดว่าคงจะประมาณหนึ่ง ไม่คิดว่าจะประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ เพราะก็มีอีกสองสามทีมที่เดบิวต์ปีเดียวกัน ซึ่งตอนนี้เขาก็แยกวงกันไปหมดแล้ว เพราะอาจไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด เอาเป็นว่าวง GOT7 ผลตอบรับดีกว่าที่คิด ก็ต้องขอบคุณคนที่สนับสนุนพวกผมมาตลอด 7 ปี

GQ: การเลือกเป็นศิลปินไอดอล ต้องแลกมากับอะไรบ้าง

แลกกับเวลาครับ ช่วงเวลาวัยเด็กคือไม่มีเลย ปกติถ้าอายุประมาณ 25 ปี ก็ต้องมีเจอเพื่อนมัธยมหรือมหาวิทยาลัยบ้าง ซึ่งส่วนนั้นผมไม่มีเลย พอจบ ม.2 ผมก็บินมาเกาหลีเลยครับ ทำให้ไม่มีเพื่อนในโรงเรียน ไม่มีชีวิตวัยเด็ก ไม่ได้เจอครอบครัว แต่พอโตขึ้นมาแล้วก็รู้สึกว่ามันแลกมากับร่างกายและสุขภาพ เพราะเราเต้นเยอะ ไม่ค่อยได้นอนตั้งแต่เด็ก

บางคนอาจมองว่าผมยังเด็กอยู่ทำไมพูดแบบนี้ แต่ผมเต้นมาตั้งแต่ 9 ขวบ เป็นเด็กฝึก เริ่มทำงานตอนอายุ 18 ปี ตอนนี้อายุ 25 ปี เดบิวต์มา 7 ปี จะเข้าปีที่ 8 แล้ว ก็ไม่ค่อยได้นอนเท่าที่ควรเหมือนคนทั่วไป เพิ่งจะมาเริ่มรู้สึกกับเรื่องนี้ตอนปีที่แล้ว เพราะร่างกายไม่ค่อยเป็นไปตามที่เราคิดเท่าไร มีเจ็บขา เจ็บเข่า หรือสมัยก่อนผมไม่แพ้เกสรดอกไม้เลยนะ แต่ตอนนี้ที่เกาหลีเป็นช่วงดอกซากุระบาน พอมีกลิ่นดอกไม้อยู่ในอากาศ ทำให้เจ็บคอ ไอมาเป็นเดือนแล้ว เพราะเพิ่งเริ่มจะมีอาการแพ้

GQ: คิดว่าอะไรที่ทำให้วง GOT7 ประสบความสำเร็จ

ข้อแรกน่าจะเป็นเรื่องภาษา ไม่ค่อยมีวงอย่างพวกผมที่พูดได้หลายภาษา ทั้งไทย อังกฤษ จีน ญี่ปุ่น เราไม่ใช้ล่ามกันเลยครับ เราสามารถคุยกับแฟนคลับได้โดยตรง ซึ่งส่วนมากหลายวงจะใช้ล่าม พอเราพูดภาษาเกาหลีไป ล่ามก็ต้องแปลให้แฟนคลับฟัง อันนี้เป็นจุดหลักที่ทำให้พวกผมมาถึงจุดนี้ได้

ข้อสองคงเป็นการที่พวกเราทั้ง 7 คนสนิทกันจริงๆ ไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นดารา ทำให้เรามีหลุดติงต๊องหน่อยนึงได้ ก็พยายามเป็นตัวเองให้ได้มากที่สุด คือหลายวงที่ทุกคนน่าจะรู้จัก บางทีเขาไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น แต่ต้องแกล้งทำเป็นสนิทกันนะ แต่สำหรับผมไม่มีตรงนั้นเลย คือไม่มีแบบเราสนิทกับคนนี้ แล้วไม่สนิทกับคนนั้น ขนาดตอนแยกค่ายต่างคนต่างไปทำผลงานของตัวเอง เราก็ยังเจอกันอยู่ ไปกินข้าวกันบ้าง คือวงการบันเทิงเกาหลีกับไทย ไม่ค่อยมีคนที่สนิทกันอย่างนี้จริงๆ หรอกครับ ผมว่าคุณก็น่าจะรู้ มีหลายคนที่อยากได้กระแส ซึ่งผมไม่ค่อยชอบตรงนั้นเลย ‘มันเฟก’


GQ: แล้วการไปในที่สาธารณะต้องมีบอดี้การ์ดไหม

ไม่มีครับ ไปเองบ่อย แต่พยายามทำทุกอย่างให้เร็วที่สุด ไม่มีการไปก่อนแล้วค่อยคิดว่าจะซื้ออะไร ผมจะคิดล่วงหน้าแล้วไปซื้อเลย พอซื้อเสร็จก็กลับทันที หรือเลือกไปในที่ที่ไม่ค่อยมีวัยรุ่น อย่างไปเดินตลาดที่มีแต่คุณลุงคุณป้า ไม่ค่อยมีใครสนใจ ทำให้เรานึกถึงตลาดที่ไทยแบบสำเพ็ง เยาวราช ไชน่าทาวน์ ความรู้สึกคล้ายๆ กัน

GQ: เคยมีเหตุการณ์ที่แบบว่าพลาดแล้วล่ะ ไม่น่ามาที่นี่เลยไหม

หลังจากเดบิวต์ ผมไม่เคยไปเมียงดงเลย จนวันหนึ่งคุณแม่มาที่เกาหลี อยากไปเมียงดงมาก ตอนนั้นไม่มีโควิด-19 เราก็ไม่ได้ปิดหน้า เห็นคุณแม่อยากไปเราก็พาไปเลย นานๆ ทีแม่จะมาเกาหลี เดินเล่นที่เมียงดงได้ไม่ถึง 10 นาที คนมารุมขอถ่ายรูปเละเลยครับ ก็เลยให้คุณแม่เดินไปกับคุณน้าก่อนเลย เดี๋ยวผมกลับบ้านก่อนดีกว่า ถ้าลองเสิร์ชดูรูปในอินเทอร์เน็ตจะเห็นเต็มไปหมด (หัวเราะ)

GQ: แล้วเวลาอยากได้ของหรือไปเดินช็อปปิ้งทำอย่างไร

ก็ไปซื้อเองครับ ผมไม่ชอบให้ใครไปซื้อให้ ต้องไปดูด้วยตาตัวเอง ซื้อออนไลน์ผมยังไม่กล้าเลย มันมีที่ส่วนตัวของผมที่วัยรุ่นไม่ไปกัน เป็นห้างแบรนด์เนมประมาณนั้น คือผมก็ไม่อยากซื้อของแพงหรอกครับ อยากซื้อของวินเทจบ้าง แต่ตรงนั้นมีวัยรุ่นหมดเลย ถ้าเทียบกับที่ไทย อยากไปสยามก็ไปไม่ได้ ก็ต้องไปเอ็มควอเทียร์แทนแบบนั้นเลย

GQ: ขอถามเรื่อง GOT7 อีกนิด จุดไหนที่ทุกคนคิดตรงกันว่าถึงเวลาออกไปทำงานเดี่ยวกันแล้ว

ผมไม่รู้จะเรียกว่าอย่างไรดี อย่างผมกับพี่แจ็กสันคือโชคดีที่อย่างน้อยก็ได้ผลตอบรับดีจากคนในบ้านเกิดของเรา ของผมคือประเทศไทย ส่วนพี่แจ็กสันก็ประเทศจีน ซึ่งเป็นโอกาสที่ไม่ได้มาจากทางค่าย ทำให้เราได้ทำงานมากกว่าสมาชิกคนอื่น แน่นอนว่าเขาก็อยากทำบ้าง แต่บางทีโอกาสยังมาไม่ถึง แล้วก็พอดีกับที่เราอยู่มา 7 ปี เป็นช่วงเวลาที่จะหมดสัญญา และโอกาสในการทำงานกับคนใหม่ๆ ก็เข้ามา นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้ทุกคนตัดสินใจว่าจะลองออกไปทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน ทำเสร็จแล้วจะกลับมาตั้งตัวเป็น GOT7 อีกก็ยังไม่สาย ไม่ได้หายไปไหน เพราะขึ้นอยู่กับเรื่องของเวลาและความลงตัวของแต่ละคน


GQ: นับจากวันที่มาอยู่เกาหลีตั้งแต่อายุ 13 จนถึงวันนี้อายุ 25 คุณเติบโตหรือเปลี่ยนแปลงไปไหนแง่ไหน

เปลี่ยนไปหมดเลย สมมติผมกลับบ้านที่ไทย ผมเจอน้องสาวและพี่ชายอีก 2 คน ตอนเด็กๆ ผมรู้สึกว่าเรา 4 คนนิสัยเหมือนกันมาก แต่ตอนนี้นิสัยผมค่อนข้างแตกต่าง คงเป็นวัฒนธรรมที่เราซึมซับมาตลอด แล้วก็เรื่องความคิด พอเราได้ทำงานตั้งแต่เด็ก ในสนามจริง ไม่มีใครมาอ่อนให้เราเพราะเราเด็กกว่า เขาดูที่ผลงาน สิ่งนี้เลยเปลี่ยนความคิดผมจากที่มองว่าตัวเองยังเด็กอยู่ เราคิดแบบนั้นไม่ได้ จะเด็กกว่าหรือโตกว่า ไม่ได้สำคัญในอาชีพนี้เลย

GQ: คุณรับวัฒนธรรมเกาหลีในส่วนไหนมาบ้าง

น่าจะเป็นเรื่องการทำงาน ความเร็วของการทำงาน คือคนเกาหลีทำงานเร็วมากครับ เลยยิ่งทำให้ผมใจร้อนมากๆ สมมติถ้าบอกว่าเพลงนี้ต้องออกมาภายในสี่โมงเย็น แต่เขาส่งให้เราสี่โมงครึ่ง ผมจะโมโหมาก ทำไมไม่ทำตามเวลาที่กำหนด เพราะว่าถ้าหลังสี่โมง ผมก็จะต้องเอางานไปทำต่อกับคนอื่นด้วย คือผมตั้งตารางงานเอาไว้ ถ้าช้านิดหนึ่ง ก็จะช้ากันไปหมด แต่ก็ไม่ได้มีเพียงข้อเสีย ข้อดีคือการทำงานเร็ว เสร็จตรงตามเวลา ทำให้มีเวลาได้กลับบ้านมาพักผ่อนมากขึ้นด้วย

ผมไม่รู้ว่าที่อื่นเขาทำอย่างไรกัน แต่ที่เกาหลี ถ้าไม่ถึงขั้นขาหักแขนหัก ก็ต้องทำให้เสร็จตามเวลา พออีกวันหนึ่งจะได้เริ่มทำสิ่งใหม่ได้ งานก็จะไม่ล้นมือ ซึ่งผมก็ไม่ชอบทำงานแบบวันท้ายๆ หรือใกล้ส่ง งานไม่เดิน แล้วเครียด สุขภาพไม่ดีตามมา

GQ: ถ้าหมดโควิด-19 ได้กลับมาเมืองไทย คุณจะทำสิ่งใดเป็นอย่างแรก

อยากไปภูเก็ต แล้วก็อยากกลับบ้านไปเดินตลาด ผมอยากกินกุ้งเต้นมากๆ ทนไม่ไหวแล้ว แล้วก็อยากกินแมลงทอดด้วย ที่เกาหลีไม่มีเลย

GQ: ดูคุณชอบเดินตลาด มีความผูกพันอะไรเป็นพิเศษไหม

ผมได้ใส่กางเกงขาสั้น รองเท้าแตะ สนุกที่สุดเลย คือผมรู้สึกว่าตลาดคือที่ของเราจริงๆ บางทีสภาพแวดล้อมก็ทำให้ลืมว่าเราเป็นใคร อย่างตอนนี้เราอาจอยู่บ้านที่ดี ใส่เสื้อผ้าหรูหรา แม้จะเป็นความจริง แต่ทำให้เราหลงลืมว่าเราเคยเป็นใครจากไหนมาก่อน ซึ่งทุกครั้งที่ผมเดินตลาด ทำให้นึกได้เสมอว่าเราเป็นคนที่มาจากตรงนี้จริงๆ เป็นคนติดดินมากเลยนะ แล้วทำไมเพราะสิ่งของแพงๆ เล็กๆ น้อยๆ ทำให้เราหลงระเริงไปบ้าง การไปเดินตลาดทำให้รู้สึกดีว่าถ้าไม่ได้เป็นดารา เราเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่ชอบกินส้มตำ ใช้มือปั้นข้าวเหนียวเหมือนทุกคน กินกุ้งเต้น อาหารแซ่บๆ ไม่จำเป็นเลยว่าต้องกินที่หรูๆ ตลอดเวลา

GQ: แบมแบมเรียน กศน. ด้วย อะไรทำให้ตัดสินใจเรียนหนังสือ แล้วการศึกษาสำคัญกับคุณอย่างไร

เป็นสิ่งที่ขัดใจผมมาตลอด คือผมเรียนถึงแค่ ม.2 ถ้าวันหนึ่งผมมีลูก แล้วลูกจบมหาวิทยาลัย แต่ผมจบแค่ ม.2 ก็คงรู้สึกนิดหนึ่ง (หัวเราะ) อีกอย่างผมคิดว่าถ้าเราคือแรงบันดาลใจของคนอื่น แต่เรียนไม่จบ ก็ดูไม่ดี เหมือนไม่สนับสนุนให้คนเรียนหนังสือ ไม่เรียนก็ประสบความสำเร็จได้ ผมก็เลยถามคุณแม่ว่าเรียน กศน. ได้ไหม ก็มีเรียนแต่ว่าต้องสอบ ผมไปสอบมาสามรอบแล้ว ม.4 ถึง ม.6 สอบทุกปี ปีละ 2 ครั้ง แล้วก็ไปร่วมงานกีฬาสีรอบหนึ่ง คือตอนนั้นเป็น GOT7 แล้วนะ แต่อยากโชว์ให้คนเห็นว่า ถึงจะเต้น ไม่ชอบเรียน แต่ก็ทิ้งการเรียนไม่ได้ และยังต้องมีไว้

เด็กทุกคนเป็นต้นไม้ที่ไม่เหมือนกัน แต่โรงเรียนพยายามทำให้เด็กโตในดินที่เหมือนกัน ถ้าเด็กคนนี้เป็นต้นข้าวเราก็ต้องปลูกด้วยดินเหนียว แต่ดันไปปลูกในดินทราย มันก็ไม่ได้ โรงเรียนสอนให้เด็กทุกคนเหมือนกันตลอด แต่เขาเป็นต้นไม้ที่ต่างกัน ต้องโตในที่ที่ต่างกัน ผมคิดว่าการเรียนอาจไม่ใช่ที่หนึ่ง แต่เราต้องหาอะไรที่ชอบและเหมาะกับเราจริงๆ

GQ: ถ้ามีเด็กๆ ที่เขาอยากเป็นแบบคุณ อยากเดินตามรอยแบมแบม มีอะไรจะแนะนำเขาไหม

ก็ต้องถามก่อนเลยว่าอยากเป็นศิลปินเพราะอะไร อยากอวด อยากเท่ ถ้าแบบนั้นไม่ควร แต่ถ้าอยากเป็นจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการร้องหรือการเต้น ต้องชอบสักหนึ่งอย่าง ผมเคยไปเห็นสัมภาษณ์ของวงคัฟเวอร์บางกลุ่มในรายการหนึ่ง ซึ่งเขาบอกว่าอยากเต้น เพราะอยากเท่ อยากมีแฟนคลับ อยากดัง แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักของการเป็นนักร้องหรือศิลปิน ถึงได้เป็นก็อยู่ได้ไม่นาน อยากจะให้ถามจริงๆ ว่าเราอยากเป็นเพราะอะไร รักการเต้น รักการร้อง หรือชอบเขียนเพลงแล้วอยากให้คนฟังเพลงของเรา ถ้าแบบนี้ได้เป็นแน่นอน

แล้วก็ต้องถามอีกด้วยว่าพร้อมจะเจออะไรหลายอย่างจริงหรือเปล่า ต้องแยกกับครอบครัว ต้องแลกกับชีวิตส่วนตัว เวลานอน ทุกอย่างครับ และก็ไม่ได้การันตีว่าเราจะได้ดีอย่างที่ฝันไว้ ถ้าคิดว่าอยากเป็นจริงๆ ผมสนับสนุนให้ไปเต็มที่ ดีกว่าลังเลไม่ยอมทำ แล้วมาเสียดายทีหลัง

GQ: ฝันที่ไกลที่สุดของคุณคืออะไร

ผมอยากให้เพลงที่ออกไปเป็นเพลงที่คนทั้งโลกเขาชอบกัน อยากเป็นนักร้องที่ให้แรงบันดาลใจกับทุกคนบนโลกได้ อย่างที่บอกไปว่าหลายบริษัทที่อยากได้ตัวผม เขาอาจจะอยากได้ตลาดไทย แต่ฝันของผมไม่ได้อยู่แค่ที่ประเทศไทย แต่อยากให้คนอีกฟากหนึ่งของโลกฟังเพลงผมแล้วได้แรงบันดาลใจ และมีความสุข ผมไม่ได้อยากดังจนเวอร์ หรือเป็นซูเปอร์สตาร์ขนาดนั้น คือได้มันก็ดีครับ แต่อย่างน้อยอยากให้คนทั้งโลกรักเพลง และชอบการเต้นของผม ชอบแบมแบมตัวจริง ที่ไม่ใช่ในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น เพราะผมไม่ชอบเฟกว่าผมเป็นใคร และพูดในสิ่งที่ทุกคนอยากฟังอย่างเดียว อย่างนั้นผมไม่ชอบครับ ผมอยากเป็นตัวของผมเอง ถ้าทุกคนรับในตัวตนที่ผมเป็นได้ แค่นั้นก็พอแล้ว ไม่ได้หวังอะไรมาก

GQ: ความสำเร็จที่ได้มาวันนี้ ยังมีอะไรที่ต้องพิสูจน์อีกไหม

เยอะเลยครับ ผมคิดว่าเพิ่งเริ่มต้นเอง เพราะตลอด 7 ปี ผมทำในสิ่งที่เขาสั่งให้ผมทำ แต่นับจากนี้ผมจะทำในสิ่งที่ผมคิดว่าอยากจะทำ นี่คือแบมแบมจริงๆ ไม่ใช่แบมแบมที่ใครอยากจะให้ผมเป็น

-->
<--



บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง