BamBam 뱀뱀 #GOT7 - JUNE 2019 สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 852 มิถุนายน 2562 ปก แบมแบม

วันที่ 2021-12-31 03:33:00 ผู้เข้าชม : 1967

-->
<--

BamBam 뱀뱀 #riBBon - สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 852 มิถุนายน 2562 ปก แบมแบม








cr. sudsapda








cr. sudsapda

cr. sudsapda




สุดสัปดาห์มีโอกาสได้นั่ง เปิดใจคุยกับ แบมแบม GOT7 อยู่เป็นชั่วโมง ทั้งเรื่องงาน เรื่องครอบครัว เรื่องสัพเพเหระ ยิ่งคุยก็ยิ่งประทับ ใจกับทัศนคติของเขา และที่ต้องชื่นชมแบบสุดๆ อีกอย่างหนึ่ง คือ ความกตัญญ สําหรับแบมแบมแล้ว ครอบครัวมาเป็นอันดับหนึ่ง

เปิดใจคุยกับ แบมแบม GOT7 นั่งไทม์แมชชีน คุยเรื่องอดีตที่น่าจดจํา

กว่า 9 ปีที่ไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดน ทุ่มเทฝึกฝนตัวเองเพื่อจะได้เดบิวต์ในวงการเพลงเกาหลี และกว่า 5 ปีในฐานะเป็นสมาชิก วง GOT7 ของแบมแบม-กันต์พิมุกต์ ภูวกุล ต้องผ่านด่านทดสอบความอดทน ความแข็งแกร่งของจิตใจมามากมาย จนกระทั่งวันนี้ไอดอลสาย เลือดไทยคนนี้ เปล่งประกายความเป็นไอดอลระดับอินเตอร์ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ณ วันนี้ ชื่อเสียง เงินทอง รางวัล และสิ่งดีๆหลายอย่างวิ่งเข้ามาหา แต่แบมแบมยังคนเป็นคนนอบน้อม สดใส เฮฮาเหมือนครั้งแรกที่ เราเจอกัน การคุยครั้งนี้สุดสัปดาห์ เปิดใจคุยกับ แบมแบม GOT7 ชวนนั่งไทม์แมชชีนโดเรมอน ย้อนเวลาไปคุยเรื่องวันเก่าๆ ตั้งแต่วัย เด็ก จนถึงวันที่ก้าวขึ้นเวทีแจ้งเกิดเป็น GOT7 ได้อย่างเต็มตัว

อยากรู้ว่าวัยเด็กของด.ช.แบมแบมเป็นอย่างไร

“นอกจากที่รู้กันว่าผมเป็นเด็กติดเกมส์ แล้วก็มาชอบเต้น สมัยเด็กๆ ผมไม่ชอบแต่งตัว ใส่แค่เสื้อยืดกางเกงวอร์ม คนละโลกกับตอนนี้ เลยครับ (หัวเราะ) ตอนเด็กผมไม่กินส้มตํา ไม่กินอาหารรสจัด แล้วพี่เลี้ยงผมเขาไปสั่งส้มตํารถเข็นหน้าหมู่บ้านมากิน เขาบอกผมว่า นี่คือตําซั่ว ลองกินดูมั้ย ตอนนั้นผมก็สัมตําเหรอ มันเผ็ด ใส่ปลาร้าด้วยมีกลิ่นหน่อยๆ แต่ก็อะ ลองดูหน่อยก็แล้วกัน กินปั้บ หม... อร่อย ติดใจเลยครับ ติดดดดดส้มตํายาวมาจนวันนี้ และนี่คือที่มาว่าทําไมผมถึงชอบกินส้มตํา (ยิ้ม)

“ผมใช้ชีวิตวัยเด็กธรรมดามาก ช่วงไปโรงเรียนเป็นช่วงชีวิตที่สนุกมาก ได้เจอเพื่อน จัดผมอยู่ในโหมดเด็กซนก็ได้ครับ ผมจะมีเพื่อน ข้างบ้าน เพื่อนในหมู่บ้านเดียวกันก็เยอะ ชอบชวนกันไปขี่จักรยานรอบหมู่บ้าน หลังเลิกเรียนไม่ต้องนัดกัน แก๊งเราจะไปเจอกันที่ สนามเด็กกันเล่นพร้อมหน้า เหมือนหนังเรื่องแฟนฉันน่ะครับ เป็นความสุขตามประสาเด็กๆ ในยุคของผมที่ได้ออกไปเล่นกับเพื่อน ไป ให้อาหารปลา เล่นสไลเดอร์

“วัยเด็กเป็นช่วงเวลาที่นึกย้อนกลับไปแล้วทําให้ผมยิ้มได้เสมอ ไม่ว่าเป็นเพื่อนที่โรงเรียน เพื่อนในหมู่บ้าน ล้วนเป็นความทรงจําดีๆ เราพูดคุยกันเฮฮา เล่นสนุกตามประสาเด็ก ผมย้ายไปเกาหลีตั้งแต่เด็กๆ ซึ่งตอนนั้นไม่มีมือถือเหมือนสมัยนี้ไม่การแลกเบอร์ แลก ไลน์ เพื่อนๆ ก็ห่างหายกันไป ขาดการติดต่อ ผมเองก็อยากรู้ว่าเพื่อนๆ จะจํากันได้มั้ย แต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้าง เห็นผมที่ป้าย โฆษณาจะรู้สึกอย่างไร จะรู้มั้ยว่าเป็นแบมแบมที่เคยเล่นด้วยกันตอนเด็กๆ

เมื่อปีที่แล้วตอนคอนเสิร์ต GOT7 NESTIVAL 2018 IN BANGKOKได้เจอเพื่อนเก่าด้วยครับ คือติดต่อได้คนหนึ่ง อีกคนหนึ่งก็ติดต่อ ได้ ต่อกันไปเรื่อยๆ ได้เอง เจอแล้วจําหน้าได้นะครับ แต่นึกชื่อไม่ออก อ้อ... ตอนเด็กๆ แกเป็นแบบนี้นะ เราเป็นแบบนี้ (หัวเราะ)

ความที่เป็นเด็กซน มีวีรกรรมจําไม่ลืมบ้างมั้ย

“มีนะครับ แต่นึกไม่ออก มีเรื่องหนึ่งด้วยความชอบขี่จักรยานมาก วันหนึ่งก็เกิดวีรกรรมเสี่ยงตายแบบจําไม่ลืม คือผมขี่จักรยานออก จากซอยมาเร็วมาก จริงๆ แล้วเวลาจะออกซอย ควรหยุดแล้วมองซ้ายมองขวาก่อน แต่ผมขี่มาอย่างเร็วโดยที่ไม่หยุดไม่มองรถใดๆ ทั้งสิ้น แล้วรถกระบะขับมาพอดี โชคดีมากที่รถเบรกทัน ด้วยความที่ผมตกใจเอง เลยตกจากจักรยาน มองย้อนกลับไปถ้ารถเบรค ไม่ทันก็ต้องชนผมแน่นอน”

จากเด็กน้อยนักซิ่งจักรยาน กลายมาเป็นเสาหลักของครอบครัว

“เมื่อก่อนครอบครัวผมฐานะไม่ค่อยดี คุณพ่อผมเสียตั้งแต่ผมอายุ 2 ขวบ แล้วเกิดปัญหาธุรกิจของคุณพ่อคือลูกค้าจ่ายเงินไม่ครบ คุณแม่ก็เลยต้องรับผิดชอบหนี้ กลายเป็นคุณแม่คือเสาหลักของครอบครัว ดูแลลูกๆ 4 คน เป็นแม่ค้าที่ตลาดไปสําเพ็งหาซื้อของ โน่นนี่นั่นมาทํากิบขาย ขายข้าวแกง ขายเสื้อผ้ามือสอง

“ส่วนผมเป็นเด็กชอบทํากิจกรรม ชอบเต้น พอมีโอกาสให้เราไปเป็นเด็กฝึกหัดกับค่าย JYP ผมก็ไป ซึ่งการเดินทางไปเกาหลีเพื่อจะได้ เดบิวต์เป็นศิลปินนั้น นอกจากสานฝันของตัวเองแล้ว ผมมีความฝันที่จะทําให้ครอบครัวอยู่สุขสบายขึ้น อยากซื้อบ้านใหม่คุณแม่

ตอนผมเป็นเด็กฝึกอยู่ที่โน่น คุณแม่ยังขายของอยู่นะครับ หลังจากเดบิวต์เป็น GOT7ได้หนึ่งปี ผมก็ซื้อบ้านให้แม่ แล้วให้แม่เลิก ทํางาน หลังจากนั้นอีกปีหนึ่งผ่านไป พี่ชายเรียนจบ ปรึกษากันในครอบครัวว่าน่าทํากิจการอะไรเป็นของครอบครัวสักอย่างมั้ย แต่ ตอนนั้นเพิ่งเริ่มต้นเป็นศิลปิน เงินทุนผมยังไม่ได้มีเยอะมาก ซื้อบ้านไปก็หมดตัวแล้วครับ (หัวเราะ) แรกๆ ก็ยังต้องผ่อนไปก่อน พอมี เงินก้อนใหญ่ก็โปะให้หมด

“พอผมเริ่มมีเงินทุน มีเงินเก็บมากขึ้น ก็เปิดคาเฟให้พี่ชายคนโต ต่อด้วยทําสตูดิโอสอนเต้นให้พี่ชายคนที่ 2 และซื้อรถให้น้องสาวคน เล็ก ตลอด 5 ปีที่ทํางาน ผมมีลําดับขั้นในชีวิต ผมเลือกที่จะเทคแคร์และเปลี่ยนชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวก่อนที่จะให้ตัวเอง พอครอบครัวอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีแล้วผมถึงสบายใจ จากนั้นเราค่อยมาทําอะไรเพื่อตัวเอง “

ตอนนี้ก็ถึงคิวผม ซึ่งผมเพิ่งซื้อบ้านให้ตัวเองเมื่อปีที่แล้วครับ การที่ผมได้ทําหน้าที่ลูกได้เป็นเสาหลักของครอบครัวอย่างที่ตั้งใจมัน เป็นความภูมิใจในชีวิตอย่างหนึ่งว่าเราทําได้ตามเป้าหมายนะ และถึงเส้นทางนี้ต้องแลกด้วยความอดทน การรอคอย เหนื่อยล้าบ้าง แต่ผมพร้อมทําเต็มที่ ผมยังเดินหน้าไปต่อได้เรื่อยๆ เพราะเรารู้ว่าทําเพื่อใคร

ซื้อบ้านให้แม่แล้ว อยากรู้ว่าบ้านในฝันของแบมแบมเป็นอย่างไร

“การซื้อบ้านที่เกาหลีก็เป็นอีกหนึ่งความภูมิใจครับ ผมรักบ้านหลังนี้มากครับ ผมไม่เคยอยู่คนเดียว ก่อนหน้านี้อยู่หอกับเมมเบอร์มา ตลอด ดังนั้นก่อนจะซื้อบ้านอยู่เอง ผมเลยทดลองเช่าบ้านหลังเล็กๆ อยู่คนเดียวก่อน 1 ปี ลองซ้อมดูว่า พออยู่คนเดียวเราจะมีความ รับผิดชอบที่จะทําความสะอาดได้มั้ย จ่ายค่าน้ําค่าไฟได้มั้ย พอมาอยู่เองคนเดียวก็ไม่ได้ยุ่งยาก เช่าอยู่ได้ 1 ปีก็ย้ายมาบ้านหลังใหม่ที่ ซื้อเอง เป็นบ้านในฝันที่อยากมีตั้งแต่เด็ก ตอนเด็กๆ ผมชอบเล่นเกมส์ The Sims พี่รู้จักมั้ยครับ (สุดสัปดาห์: รู้จักค่ะ เก่ามากเลยนะ] ใช่ๆ เกมส์นี่มีมานานแล้วครับ (หัวเราะ)

“ผมชอบเล่นเกมส์สร้างบ้าน เลยอยากซื้อบ้านเหมือนตอนที่ผมสร้างในเกมส์ ได้บ้านหลังนี้มา ผมรีโนเวทใหม่หมด รื้อข้างใน ลอก ผนัง ลอกพื้นทําใหม่หมด ออกไอเดียการแต่งบ้านทุกอย่างด้วยตัวเอง สิ่งที่อยากมีในบ้าน ผมใส่ไปหมดทุกอย่าง แมวจะเลี้ยงกี่ตัว เลี้ยงเลย ผมทําห้องให้น้องแมวด้วย มีห้องนอนใหญ่ของตัวเอง นอนอยู่บนเตียงด้านหนึ่งจะมองเห็นวิวแม่น้ํา อีกด้านหนึ่งเป็นวิว เมือง

“บ้านผมบุผนังอย่างดีเพื่อเก็บเสียงดัง เพราะมีสปีกเกอร์เวลาเปิดเพลงดัง จะไม่รบกวนใคร มีห้องทําเพลง ห้องอัดเพลง ห้องอาบน้ํา แบบธรรมดา และอีกห้องหนึ่งเป็นห้องออนเซน อบซาวน่า อบไอน้ําได้รีแลกซ์ร่างกายได้โดยไม่ต้องออกนอกบ้าน ตัวโล่งๆ แล้ว ล้ม ตัวลงนอนอยู่ในบ้านตัวเองได้เลย

“ส่วนโซนห้องนั่งเล่นจะทําให้บรรยากาศเหมือนบาร์หน่อยๆ ตอนเปิดไฟสีส้มก็จะเป็นฟีลบ้านธรรมดา แต่ถ้าอยากเปลี่ยนบรรยากาศ ให้เป็นบาร์ ก็เปิดเพลง เปลี่ยนสีไฟเป็นฟ้า ม่วง การจัดการภายในบ้านผมทําเองหมดเลย กวาดบ้าน ซักผ้า รีดผ้า ล้างจาน ผมไม่ กล้าให้คนนอกเข้าบ้าน เรื่องทําความสะอาดนี่ผมทําทุกวัน เพราะเลี้ยงแมว ตื่นมาก็ต้องทําความสะอาด ดูดฝุ่นขนแมว เก็บถาด ทรายแมว”

ในมุมของความเป็นพี่ชาย และน้องชาย แบมแบมเป็นอย่างไร

“เรามีกัน 4 คนพี่น้อง พี่เบียร์ (พี่ชายคนโต) พี่แบงค์ (พี่ชายคนที่สอง] ผม (พี่ชายคนที่ 3] และ เบบี้ (น้องสาวคนสุดท้อง) คุณแม่เป็น เหมือนศูนย์กลางของครอบตัว ตัวผมมีสถานะเป็นทั้งน้องชาย และพี่ชาย บ้านผมชิลมากครับ คือไม่ใช่ว่าเป็นพี่ต้องยอมน้อง หรือ เป็นน้องต้องเชื่อพี่ พี่เป็นใหญ่มากกว่า ไม่ถึงขั้นนั้นครับ เราจะเป็นลักษณะที่คุยกันได้ทุกเรื่องเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน แฟร์ๆ เล่นเกม ก็เล่นด้วยกัน มีอะไรแบ่งกัน น้องสาวเล่นเหมือนพี่ชายเขาเลยเป็นคนเฮ้วๆ หน่อย

“พี่น้องนานๆ จะเจอกันที แต่เจอที่ไรก็เย้ๆ สบายๆ มุมของพี่ชายผมไม่หวงน้องนะครับ เพราะรู้ว่าน้องสาวดูแลตัวเองได้ดี น้องมีแฟน ก็ถามว่ามีแฟนเหรอ เล่าให้ฟังได้นะคือผมทําอาชีพนี้ อาจไม่มีอิสระหรือได้ทําตามใจตัวเองมากนัก ดังนั้นผมเลยอยากให้น้องได้มี อิสระในการใช้ชีวิตของตัวเอง ให้เขาได้เติบโตเรียนรู้ไปตามวัย มีแฟนได้ เที่ยวเฮฮาได้ แต่ขอให้อยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และเรียน หนังสือให้เต็มที่ เห็นน้องมีความสุข ผมก็มีความสุข ไม่หวง แต่เป็นห่วงมากกว่าครับ

“เราจะมีกรุ๊ปไลน์ครอบครัว จะค่อยส่งลิงค์ ส่งทวิตเตอร์ ข่าวและฟีดแบ็คมาแชร์กัน งานมีตติ้งเดี๋ยวน้องก็ไลน์มาถามว่าแฟนมีตติ้ง เป็นอย่างไรบ้าง พี่ชายก็จะไลน์ถามว่า “กลับบ้านเมื่อไร อยากกินอะไรมั้ย” ไลน์กรุ๊ปอาจจะไม่ได้เด้งบ่อย แต่ก็จะถามไถ่และส่งข่าวหา กันเสมอ

เปิดใจคุยกับ แบมแบม GOT7 ความพยายาม ความอดทน บนเส้นทางไอดอลเกาหลี

อยู่เกาหลีมา 9 ปีแล้ว ยังจําความรู้สึกวันแรกที่ไปเกาหลีได้มั้ยคะ

“ผมไม่รู้สึกใจหายหรืออะไรเลย คุณแม่ก็ไม่เป็นกังวล แค่บอกว่าไปถึงแล้วโทรกลับมาบอกด้วย ตอนที่เดินทางไปเกาหลี ผมไปกับน้า สองคน เพราะถ้าพูดภาษาอังกฤษได้ น้าอยู่ด้วยแค่ 5 วันเท่านั้นก็กลับ ไปถึงโน่นผมรู้สึกแปลกใหม่กับทุกอย่างรู้สึกว่าไม่ได้อยู่ยาก กว่าที่คิด คุณแม่ก็ห่วงแต่ไม่ได้มาก เพราะเขารู้นิสัยว่าผมไม่ใช่คนงอแง คือการไปเกาหลีครั้งนี้ ถ้าไปแล้วไม่ได้เดบิวต์ ก็กลับเมืองไทย ถือว่าได้ประสบการณ์ได้ภาษาติดตัวกลับมา”

เคยมีช่วงท้อ ช่วงเหนื่อย ไม่อยากไปต่อบ้างมั้ย

“ปีแรกตอนไปอยู่เกาหลี ทุกอย่างยังแปลกใหม่ น่าตื่นเต้น แต่พอเข้าช่วงปลายปีที่ 2 เริ่มรู้สึกเบื่อ เพราะใช้ชีวิตเป็นรูทีนเหมือนเดิมมา 2 ปี เข้าบริษัท ร้องเพลงเดิม เต้นท่าเดิม ฝึกทุกวันตั้งแต่ 10.00-22.00 หยุดวันอาทิตย์แค่นั้น อยู่ในแอเรียเดิมๆ ท้อและลังเลเหมือน กัน เคยคิดว่าถ้าอยู่ไปแล้วถ้าไม่ได้ไปต่อ จะเสียเวลาหรือเปล่านะ ที่ทํามา 2 ปียังไม่รู้อนาคตเลยว่าเป็นอย่างไร เราจะทําไปทําไม ผม เริ่มไม่ซ้อมเล่นกับเพื่อน ซ้อมน้อยลง เริ่มแอ็คป่วยบ้าง แล้วรีบกลับบ้านไปเล่นเกมส์

หลังจากเลิกเล่นเกมส์ไปนาน ไม่กล้าแตะเพราะกลัวติด ก็กลับมาเล่นใหม่ ผมต้องหาอะไรใหม่ๆ ทําครับ ไม่งั้นเฉาตายแน่ๆ กลับเล่น เกมได้สัก 2-3 เดือน ติดเลยครับ หาเรื่องแอ็คป่วยกลับบ้าน เล่นสักพักคอมพ์เจ๊ง ไหนๆ ไม่มีคอมพ์ก็เลิกเลย นี่ถ้าคอมพ์ไม่เจ๊ง ผมคง ไม่เลิกมั้ง” (หัวเราะ)

ทําให้อย่างไรให้ตัวเองสตรองกับความฝันได้อยู่

“หลังเดบิวต์ได้ปีแรกเหนื่อยนิดนึงครับ เพราะทําไปไม่เห็นผลอะไรเลย รางวัลก็ไม่ได้ที่ 1 ก็ไม่ได้ คนไม่รู้จัก GOT7ไม่ได้ดีอย่างที่เราคิด ไว้แย่กว่าที่คิดไว้ด้วยซ้ํา อืม... คิดว่าเราจะไปต่อยังไงน้า... เดบิวต์ปีที่ 2 เริ่มโตขึ้นทั้งจิตใจและความคิด เข้าใจแล้วว่าความสตรอง ไม่มีการสอน มันต้องเรียนรู้เอง เวลาและประสบการณ์ทําให้เราจะแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เอง

“คัมแบ็คตอนอัลบั้ม FLIGHT LOG บูมเลย เห็นผลตอบรับดีขึ้นเรื่อยๆ ตอนนั้นสตรองไม่สตรอง เหนื่อยไม่เหนื่อย ไม่รู้แล้ว รู้แค่ว่าพอ มีความกดดันว่าครั้งต่อไปต้องดีกว่านี้ พอมีความกดดัน มันผลักดันโดยอัตโนมัติให้เราทั้ง 7 สู้และเดินหน้าไปเอง ค่ายไม่ต้องสั่ง เรา พร้อมพัฒนา จนค่ายบอกว่า พักเถอะ พักบ้าง แต่เรา7 คนไม่พักเองรู้สึกว่าพักแล้วเสียดายเวลา พักก็ตรงที่อาจจะมีตื่นสายนิดนึง ขอพักเยอะหน่อยตรงนี้เท่านั้น แล้วช่วงกลางคืนก็ใช้เวลาทําเพลง แต่งเพลง ใช้ไม่ใช้ทําไปก่อน อย่าง เพลง “BLACK FEATHER' ผม ทําบีทไว้แต่ยังไม่ได้เขียนเนื้อร้อง พอจะมีแฟนมีตติ้ง ก็หยิบเพลงนี้มาเขียนต่อให้เสร็จ ความสําเร็จในทุกอาชีพ ไม่ได้เกิดขึ้นกันง่ายๆ ต้องอาศัยการอดทน การรอคอย เมื่อวันหนึ่งถึงเป้าหมายที่เราตั้งใจไว้ เราจะรู้สึกว่ามันคุ้มค่ากับความพยายามและที่รอคอยมา ตลอด”

ไปทัวร์คอนเสิร์ตมาแล้วทั่วโลก มีเหตุการณ์เฉพาะหน้าบนเวทีครั้งไหนที่จําไม่ลืมบ้างมั้ยคะ

“แต่ละที่ก็ต่างกันไป ขอเล่าเรื่องคอนเสิร์ตที่ไปเวิลด์ทัวร์อเมริกาครั้งแรกก็แล้วกันครับ คือเราไม่รู้ว่าสิ่งที่ได้เจอเป็นธรรมเนียมหรือ อะไร คือระหว่างโชว์ มีคนดูก็โยนบราขึ้นมาบนเวที เห็นแล้วก็ตกใจ ห้ะ! เกิดอะไร?!? แล้วไม่ได้มาแค่ตัวเดียวมา 2-3 ตัว ตอนนั้นไม่รู้ ต้องทํายังไง ก็งงๆ ตกใจเฉยๆ จะเอามือหยิบออกก็ไม่ได้

“หลังจากนั้นแล้วพวกเรามารู้ความหมายของการโยนบรา ไม่ได้แย่เลย เหมือนเป็นธรรมเนียม และวัฒนธรรมนะครับ คือที่โยนมา คือเขาชอบเรามาก โชว์ดีมาก จนไม่รู้ว่าจะบอกอย่างไร จึงโยนบราขึ้นมา บางประเทศอาจจะมองว่ารุนแรง ไม่เหมาะสม แต่ความ หมายจริงๆ ไม่มีอะไร พอเวิลด์ทัวร์ ครั้งที่ 2 คราวนี้รับสถานการณ์ได้เต้นๆอยู่เห็นบราโยนมาปัดออก ลอยมาแล้ว ปัดออก กลัว เหยียบแล้วลื่นสะดุดกันน่ะครับ พอรู้ความหมายแล้วผมโอเค ไม่มีเหตุผลที่ผมจะไม่ชอบการกระทํานี้”

เมืองไหนที่ไปแล้วประทับใจ

“จริงๆ ชอบหมดนะครับ แต่ถ้าให้เลือก ประทับใจที่สุดคือตอนไปเล่นที่นิวยอร์กแล้วกันครับ เป็นเมืองสีสันที่มีอะไรให้ทําเยอะมาก เรา โชว์กันที่ Barclays Center ฮอลล์ใหญ่มาก GOT7 เป็น K-POP วงแรกที่มาเล่นที่นี้ บัตร SOLD OUT ด้วยครับไม่คิดว่าบัตรจะขาย หมดที่นิวยอร์ก แล้วผมเพิ่งรู้ว่าฮอลล์นั้นมีคนดังๆ มาโชว์กันเยอะมาก อาทิตย์นี้ GOT7 อาทิตย์ถัดไป Chris Brown

เวลาเหนื่อยมากๆ ทําอย่างไรให้ตัวเองพร้อมที่จะออกไปทํางานต่อ

“บอกตรงๆว่า เวลาเหนื่อยก็เหนื่อยจริงๆ ครับ ไม่ใช่ว่าเราจะพร้อมทํางานทุกวัน มีบ่อยครับที่ไม่พร้อมทั้งร่างกายและจิตใจยิ่งช่วง คัมแบ็ค ต้องทํางานทุกวัน ใจไม่พร้อมกายไม่พร้อม แต่เราต้องโปรไว้ก่อน กล้องสั่งแอ็คชั่น เราต้องพร้อม ต้องทําให้เหมือนไม่มีอะไร เกิดขึ้น วิธีจัดการอาการเหล่านี้ง่ายสุดคือ หาเวลานอนให้มากที่สุด เรื่องนอนช่วยได้เยอะจริงๆ อย่างน้อยก็ทําให้ร่างกายพร้อมและ มีแรงระหว่างพัก 10 นาที

ถ้านอนได้นอน แต่งหน้าก็นอน ทําผมก็นอน (หัวเราะ) ทํางานเสร็จกลับถึงบ้านจัดการธุระส่วนตัวก็รีบเข้านอน เราใช้พลังมาทั้งวัน แล้ว พยายามจะเล่นโทรศัพท์ให้น้อยที่สุด เพราะถ้ามัวแต่เล่น เราก็จะนอนดึก มันอยู่ที่การวางแพทเทิร์นในการใช้ชีวิตให้ดีครับ”

มีเรื่องอะไรบ้างที่น้อยคนจะรู้เกี่ยวกับแบมแบม ซึ่งคนในครอบครัวก็ไม่รู้ เพื่อนในวงก็ไม่รู้

“อืม.... ไม่มีนะ เดี๋ยวๆ มีเรื่องหนึ่งครับ เวลาอยู่บ้านคนเดียว ผมจะชอบดูโดเรมอน สนุกมาก ดูจากทีวีที่เกาหลีนี่แหละครับ มีทุกตอนดู ทุกตอน แล้วผมก็จะรอดูตอนใหม่ๆ อีกเรื่องที่แม่อาจจะไม่เชื่อคือ ผมจัดที่นอนทุกเช้า ตื่นแล้วจัดเก็บที่นอนอย่างดี ผ้าปูที่นอนตึงมาก เตียงนอนเรียบร้อยมาก อย่างที่บอกว่า พอได้บ้านหลังนี้มาผมรักมาก อยากให้เนี้ยบเหมือนตอนแรกๆ คงสภาพเดิมให้มากที่สุดครับ”

วันว่างที่ไม่ได้เป็นศิลปินแบมแบมทําอะไรคะ

“ถ้าที่เกาหลีจะเน้นพักผ่อนให้เต็มที่ ผมอยู่บ้านซะมากกว่า ปกติจะยุ่งมาก ไม่ค่อยมีเวลาให้น้องแมว ผมกลัวน้องๆ เหงา ตอนเช้าจะ เล่นอยู่กับแมว จากนั้นก็ทํางานที่ค้าง เนื้อเพลงที่ยังไม่เสร็จก็เขียนไปเจอเพื่อนบ้าง มีเพื่อนมาหาบ้าง บางทีก็ออกไปเดินซื้อผัก ซื้อ ของมาทํากับข้าว ออกไปซื้อน้ํา เปลี่ยนถุงขยะบ้างครับ

“ถ้าเวลามาเมืองไทย ส่วนใหญ่ก็จะมีงาน ไม่ค่อยได้พักเท่าไร พี่ชายทํางาน แม่ทํางาน น้องเรียน เวลาอาจจะไม่ค่อยตรงกัน ทํางาน เสร็จผมก็จะกลับโรงแรม หรือไปกินของอร่อยที่ผมอยากกิน นวดผ่อนคลายบ้าง ใช้ชีวิตเหมือนทุกคน แต่ถ้ามีวันหยุดพักผ่อนยาว หลายวัน และเวลาตรงกัน ก็จะไปเที่ยวทะเลกันทั้งครอบครัว”

เพื่อนๆ ที่เป็นไอดอลคนไทยในเกาหลีได้เจอกันบ้างมั้ย

“กลุ่มเพื่อนคนไทยที่ไปเดบิวต์ที่เกาหลี รู้จักกันหมดครับ มีผม พี่นิชคุณ เตนล์ ลิซ่า พี่สร มินนี่ คนที่มาเจอพร้อมหน้ามากที่สุดก็จะมี แค่ผม ลิซ่า พี่สร และมินนี่ ปีที่แล้วเราเจอกันบ่อย แต่ปีนี้ยังไม่เจอเลย ส่วนใหญ่ผมเจอลิซ่าบ่อยที่สุด แต่ปีนี้ยังไม่ได้เจอกันเลยครับ ยุ่งๆ ด้วยกันทั้งคู่ เวลานัดเจอกันมากินข้าวกัน

เราไม่เน้นคุยเรื่องงานเรื่องเครียด คุยกันเรื่องบ้าๆ บอๆ กันไป ถามไถ่เรื่องทั่วไปว่าเป็นไงบ้าง เพลงออกมาดีนะ เพลงดังนะ อวยกันไป อวยกันมา (หัวเราะ) เรื่องซีเรียสก็มีแชร์กันบ้างครับ ถ้ามีเรื่องอะไรที่เราไม่เข้าใจ ก็จะคุยกัน ช่วงนี้เหนื่อยเรื่องพวกนี้ กังวลเรื่องนี้อยู่ บางทีผมก็จะปรึกษาพี่คุณ มีเรื่องแบบนี้ครับ ไม่คลี่คลายสักที พี่คุณมีอะไรแนะนํามั้ย”

เดบิวต์มา 5 ปีแล้ว เห็นการเติบโต และพัฒนาการของเพื่อนๆ อย่างไรบ้าง

“เราโตมาด้วยกัน อยู่ด้วยกันทุกวัน ในแง่ร่างกายบางทีเราก็มองไม่ออกหรอกว่าใครเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง แต่ถ้าดูรูปย้อนหลัง คนที่ เห็นความเปลี่ยนแปลงชัดสุดคือ ผมกับยูคยอม เราสองคนเดบิวต์กันตอนอายุ 18 ปี พี่ๆ คนอื่นเดบิวต์อายุ 21-23 ปี โตเป็นหนุ่มระดับ หนึ่งแล้ว พี่เจบี พี่มาร์ค พี่จินยอก พี่แจ็คสัน โครงหน้าจะไม่เปลี่ยนมาก ผมกับยูคยอมเห็นชัดสุด จากเด็กๆ ก็โตเป็นหนุ่มขึ้นเยอะ ผม สูงขึ้น 8 เซ็นติเมตร เยอะเหมือนกันนะ จาก 170 เป็น 178 แต่ในเรื่องศักยภาพและความสามารถ ทุกคนพัฒนาและขึ้นทุกด้าน เห็น ชัดมากในเรื่องการเติบโตของวง นี่เรามาๆ ไกลขนาดนี้เลยเหรอ เมื่อก่อนร้องไม่ได้เต้นกันไม่ได้ แต่เดี๋ยวนี้แต่งเพลงกันเองหมดแล้ว”

ถ้าพูดถึงคําว่า GOT7 คนส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าเป็นไอดอล เป็นคนดัง ตัวแบมแบมเองรู้สึกอย่างไรกับคําว่า GOT7

“พี่เจบี พี่จินยอง พี่มาร์คอยู่ด้วยกันมา 9 ปี พี่แจ็คสัน 8 ปี ยูคยอม 8 ปี พี่ยองแจ 6 ปี ในค่ายจะมีทั้งสายร้อง สายเต้น แต่พวกเรา 7 คนชอบเต้นมาก ไม่ค่อยอยากร้อง อยากเต้นอย่างเดียว เป็น 7 คนที่มารวมกันแล้ว ค่ายคงเห็นอะไรในตัวพวกเรา เลยจับมารวมกัน เป็น GOT7

“แรกๆ เราอยู่ด้วยกันเหมือนเพื่อน คุยกันได้ทุกเรื่อง ไม่ต้องปรับอะไรกันมาก แต่พอเดบิวต์แล้ว ต้องทํางานจริงๆ มันก็มีบางจุดที่คิด เห็นไม่ตรงกันบ้าง สักพักทุกอย่างก็คลี่คลายเอง เราไม่ทะเลาะกันรุนแรง ทุกอย่างมันเป็นเรื่องของการเรียนรู้ และเวลา อยู่ด้วยกันมา นานจนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เอาเป็นว่าตอนนี้แค่มองตาก็รู้แล้วว่าแต่ละคนคิดอะไรอยู่ สําหรับผม GOT7 คือเพื่อน 7 คนที่มา อยู่ด้วยกัน บางทีก็งงๆ สติไม่ค่อยมี คือเล่นกันหนักมาก คําว่า GOT7 ในความรู้สึกของคนอื่น คือศิลปิน คือคนดัง แต่ในความรู้สึก ของผมไม่ใช่แบบนั้น GOT7 คือคนของผม คือทีมของผม”

-->
<--



บทความอื่นๆที่เกี่ยวข้อง